ประธานาธิบดีรานิล วิกรมสิงเห ผู้นำศรีลังกากล่าวต่อรัฐสภาในวันนี้ (8 ก.พ.) ว่า เศรษฐกิจของศรีลังกามีแนวโน้มที่จะกลับมาขยายตัวอีกครั้งนับตั้งแต่สิ้นปีนี้ และรัฐบาลต้องการให้ประเทศพ้นจากภาวะล้มละลายภายในปี 2569
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ศรีลังกากำลังต่อสู้กับวิกฤตเศรษฐกิจที่เลวร้ายที่สุด นับตั้งแต่ได้รับเอกราชจากอังกฤษเมื่อปี 2491 ซึ่งทำให้ต้องผิดนัดชำระหนี้และขอการสนับสนุนทางการเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) จำนวน 2.9 พันล้านดอลลาร์
ปธน.วิกรมสิงเหระบุว่า รัฐบาลสามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจประเทศได้ หากชาวศรีลังกายอมให้เก็บภาษีทางตรงในระดับสูงต่อไปอีก 6 เดือน โดยเมื่อเดือนที่ผ่านมา ปธน.วิกรมสิงเหกล่าวว่า เศรษฐกิจทั้งปีนี้อาจหดตัว 3.5% หรือ 4.0% หลังจากหดตัว 11% ในปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ การปรับขึ้นภาษีเงินได้ส่งผลกระทบต่อพนักงานกินเงินเดือนอย่างหนัก โดยสหภาพแรงงานและพนักงานภาคเอกชนได้จัดการชุมนุมประท้วงในกรุงโคลัมโบ ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ