เจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงสนับสนุนให้คณะกรรมการเฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยล่าสุดนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์กล่าวว่า เขาไม่ปฏิเสธว่าเขาจะสนับสนุนให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนมี.ค.นี้ แทนที่จะเป็นการปรับขึ้น 0.25% ตามที่เจ้าหน้าที่เฟดคนอื่น ๆ มองว่าเป็นระดับที่เหมาะสม
"ในภาพรวมนั้น ผมมองว่าการต่อสู้กับเงินเฟ้อจะต้องใช้เวลาที่ยาวนาน และมีความเป็นไปได้ว่าตลอดปี 2566 นี้ เฟดจะยังคงเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อฉุดเงินเฟ้อให้ชะลอตัวลง" นายบูลลาร์ดกล่าวกับผู้สื่อข่าวในวันพฤหัสบดี (16 ก.พ.) หลังจากเข้าร่วมงานเสวนาซึ่งจัดขึ้นที่หอการค้าเกรทเทอร์ แจ็กสัน ในรัฐเทนเนสซี พร้อมกับกล่าวว่า เขาต้องการให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดปรับตัวขึ้นจนถึงระดับ 5.375% โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
นอกจากนี้ นายบูลลาร์ดยังยอมรับว่า ในการประชุมเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา เขาเสนอให้คณะกรรมการเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% โดยเขาเชื่อว่าการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะทำให้เงินเฟ้อชะลอตัวลง แม้จะทำให้เศรษฐกิจอ่อนแอลงด้วยก็ตาม
ด้านนางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์กล่าวว่า ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐยังคงอยู่ในระดับสูงเกินไป พร้อมกับเปิดเผยว่า ในการประชุมครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา เธอเป็นผู้เสนอให้คณะกรรมการเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าที่เจ้าหน้าที่เฟดคนอื่น ๆ ต้องการ
"เฟดได้ดำเนินการอย่างเหมาะสมแล้ว ในการปรับเปลี่ยนนโยบายจากเดิมที่มีการผ่อนปรนอย่างมาก มาเป็นการคุมเข้มนโยบายการเงิน แต่ดิฉันเชื่อว่าเฟดยังต้องดำเนินการอีกมาก เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจในขณะนี้ไม่ได้ทำให้มุมมองของดิฉันเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่ว่า เฟดควรจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนถึงระดับสูงกว่า 5% และตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับดังกล่าวต่อไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่า เงินเฟ้อจะกลับสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% อย่างยั่งยืน" นางเมสเตอร์กล่าว
ในการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา คณะกรรมการเฟดมีมติให้ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% หลังจากที่ได้ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนธ.ค. 2565 และปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุม 4 ครั้งก่อนหน้านั้น