ผู้เชี่ยวชาญกล่าวกับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีว่า คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) มีแนวโน้มที่จะเข้าดำเนินการกับบริษัทแพกซอส (Paxos) บริษัทผู้ออกเหรียญสเตเบิลคอยน์ (Stablecoin) ซึ่งจะส่งผลกระทบสำคัญต่อตลาดคริปโทเคอร์เรนซีมูลค่า 1.37 แสนล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ สเตเบิลคอยน์เป็นเหรียญคริปโทฯชนิดหนึ่งที่ผูกกับสินทรัพย์ในโลกแห่งความเป็นจริง เช่น ดอลลาร์สหรัฐ โดยกลายมาเป็นปัจจัยสำคัญของตลาดคริปโทฯ เนื่องจากช่วยให้นักลงทุนสามารถซื้อขายคริปโทฯได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องแปลงเหรียญคริปโทฯกลับเป็นเงินตราดั้งเดิมก่อนการซื้อขาย
แพกซอสเป็นผู้ออกสเตเบิลคอยน์ที่ชื่อว่า "ไบแนนซ์ ยูเอสดี" (Binance USD) หรือ "บียูเอสดี" (BUSD) ซึ่งเป็นสเตเบิลคอยน์ของไบแนนซ์ หนึ่งในบริษัทซื้อขายคริปโทฯรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยบียูเอสดีนั้นผูกติดกับดอลลาร์สหรัฐแบบหนึ่งต่อหนึ่ง
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา SEC ได้มีคำสั่งให้แพกซอสระงับการออกเหรียญบียูเอสดี โดย SEC กำลังพิจารณาที่จะดำเนินการกับแพกซอส โดยกล่าวอ้างว่า บียูเอสดีนั้นเป็นหลักทรัพย์ และแพกซอสควรจดทะเบียนให้บียูเอสดีอยู่ภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์ของรัฐบาลกลางสหรัฐ
รายงานระบุว่า แม้ SEC ไม่ได้เริ่มดำเนินการกับแพกซอสอย่างเป็นทางการ แต่ SEC กำลังจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะหากเริ่มกระบวนการอย่างเป็นทางการแล้วย่อมจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อสเตเบิลคอยน์ทั้งหมด รวมถึง เทเธอร์ (Tether) และยูเอสดีซี (USDC) ซึ่งเป็นสองเหรียญสเตเบิลคอยน์ขนาดใหญ่ที่สุดที่มีมูลค่ารวมกันถึง 1.1 แสนล้านดอลลาร์
"หาก SEC ตั้งข้อหาแพกซอส ผู้ออกเหรียญสเตเบิลคอยน์รายอื่นก็ควรดำเนินการจดทะเบียนหรือเตรียมตัวต่อสู้คดีความในศาลกับ SEC" นายเรนาโต มาริออตตี หุ้นส่วนบริษัทกฎหมายบีซีแอลพีกล่าว
แม้ SEC ไม่ได้ตั้งข้อหาแบบเฉพาะเจาะจงกับแพกซอส แต่ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมุ่งเน้นไปที่การตั้งคำถามว่า เหรียญสเตเบิลคอยน์นั้นถือว่าเป็นหลักทรัพย์หรือไม่