ทางการฮ่องกงได้ร่างแผนการที่จะอนุญาตให้นักลงทุนรายย่อยสามารถซื้อขายเงินดิจิทัล เช่น บิตคอยน์และอีเธอร์ ซึ่งถือเป็นย่างก้าวสำคัญในการเดินหน้าสู่เป้าหมายการสร้างฮ่องกงให้กลายเป็นศูนย์กลางด้านคริปโทเคอร์เรนซีในภูมิภาค สวนทางกับสหรัฐที่กำลังใช้มาตรการควบคุมการซื้อขายคริปโทฯ ในขณะนี้
คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (SFC) ระบุในเอกสารการพิจารณาซึ่งเผยแพร่ในวันจันทร์ (20 ก.พ.) ว่า นักลงทุนรายย่อยจะได้รับอนุญาตให้ทำการซื้อขายเงินดิจิทัลที่หลากหลายมากขึ้นบนแพลตฟอร์มที่ได้รับใบอนุญาตจาก SFC โดยแพลตฟอร์มเหล่านี้จะมอบบริการด้านการป้องกัน เช่น การทดสอบความรู้, การให้ความมูลด้านความเสี่ยง และกำหนดเพดานการลงทุนอย่างสมเหตุสมผล
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การพิจารณาในเรื่องดังกล่าวจะเสร็จสิ้นลงในวันที่ 31 มี.ค.นี้ และมีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะเปิดทางให้นักลงทุนรายย่อยสามารถเข้าลงทุนในแพลตฟอร์มคริปโทฯ ที่ได้รับใบอนุญาตใหม่ โดยจะเริ่มทำการซื้อขายในวันที่ 1 มิ.ย. ขณะเดียวกันคาดว่าเหรียญบิตคอยน์และอีเธอร์ ซึ่งเป็น 2 สินทรัพย์ดิจิทัลที่มีมูลค่าตลาดสูงสุดนั้น จะได้รับการจดทะเบียนในแพลตฟอร์มที่ได้รับอนุญาตจาก SFC
ในช่วงต้นปี 2565 รัฐบาลฮ่องกงได้เปิดเผยแผนการก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางด้านคริปโทฯ ของเอเชีย ซึ่งจะอนุญาตให้นักลงทุนรายย่อยและกองทุน ETF สินทรัพย์ดิจิทัลสามารถซื้อขายคริปโทฯ ได้อย่างถูกกฎหมาย โดยมีเป้าหมายที่จะกอบกู้ฮ่องกงให้กลับมาเป็นศูนย์กลางการเงินได้อีกครั้ง
เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2565 กองทุน CSOP Bitcoin Futures และ CSOP Ether Futures เป็นกองทุน ETF สัญญาบิตคอยน์และอีเธอร์กองแรกของเอเชีย ได้เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายที่ตลาดหุ้นฮ่องกง หลังจากกองทุนดังกล่าวสามารถระดมทุนได้เบื้องต้น 59 ล้านดอลลาร์ และ 20 ล้านดอลลาร์ตามลำดับ