ฮ่องกงประกาศยกเลิกคำสั่งสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันพุธที่ 1 มี.ค.เป็นต้นไป โดยถือเป็นการยุติยุคควบคุมโรคโควิด-19 ที่ยืดเยื้อมานานหลายปี จนสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจให้กับฮ่องกงและบั่นทอนสถานะของศูนย์กลางการเงินโลกแห่งนี้
นายจอห์น ลี ผู้บริหารเกาะฮ่องกงแถลงในวันนี้ (28 ก.พ.) ว่า ประชาชนไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยอีกต่อไป ทั้งในพื้นที่กลางแจ้ง พื้นที่ในอาคาร หรือบนขนส่งมวลชน
"นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปเราจะหวนคืนสู่ภาวะปกติโดยสมบูรณ์"" นายลีกล่าว พร้อมเสริมว่า "ปีนี้และปีหน้า เราจะมุ่งเน้นไปที่เศรษฐกิจและการพัฒนา"
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ความเคลื่อนไหวครั้งนี้มีขึ้นในขณะที่รัฐบาลฮ่องกงพยายามดึงดูดนักท่องเที่ยวและแรงงานต่างชาติ เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจ โดยเดือนหน้าฮ่องกงจะเป็นเจ้าภาพจัดอีเวนต์ระดับนานาชาติครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เหตุประท้วงรุนแรงหลายระลอกในปี 2562 ทำให้ฮ่องกงต้องปิดเมือง เช่น เทศกาลดนตรี, งานศิลปะอาร์ต บาเซิล (Art Basel) และทัวร์นาเมนต์รักบี้ เซเว่นส์ (Rugby Sevens)
ฮ่องกงได้ยกเลิกมาตรการสกัดโรคโควิด-19 ส่วนใหญ่ไปแล้วตั้งแต่ต้นปีนี้ แต่ยังคงบังคับให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย โดยประชาชนต้องสวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่สาธารณะ ซึ่งรวมถึงพื้นที่ในอาคาร ตั้งแต่วันที่ 29 ก.ค. 2563 ผู้ใดฝ่าฝืนจะถูกปรับเป็นเงินสูงสุด 10,000 ดอลลาร์ฮ่องกง (1,275 ดอลลาร์สหรัฐ) โดยปกติแล้วตำรวจมักปรับเงินผู้ฝ่าฝืนกฎที่ 5,000 ดอลลาร์ฮ่องกง