นายหยาง ชิน-หลง ผู้ว่าการธนาคารกลางไต้หวันเปิดเผยในวันนี้ (1 มี.ค.) ก่อนการประชุมกำหนดอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปช่วงปลายเดือนนี้ว่า อัตราเงินเฟ้อของไต้หวันจะชะลอตัวลงสู่ระดับราว 2% ในปีนี้ แต่เศรษฐกิจจะไม่เข้าสู่ภาวะชะลอตัวและเงินเฟ้อสูง (stagflation) แม้ชะลอตัวก็ตาม
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ในการประชุมรายไตรมาสครั้งสุดท้ายในเดือนธ.ค. ธนาคารกลางไต้หวันได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.125% สู่ระดับ 1.75% และส่งสัญญาณยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566 เนื่องจากอัตราเงินเฟ้ออยู่ภายใต้การควบคุม
นายหยางย้ำความเห็นของเขาเมื่อเดือนธ.ค.ว่า อัตราเงินเฟ้อในปี 2566 จะลดลงต่ำกว่า 2% และบอกกับฝ่ายนิติบัญญัติในรัฐสภาว่า นโยบายการเงินของธนาคารนั้นเหมาะสมแล้ว
นายหยางระบุว่า "จากการคาดการณ์ในปัจจุบัน อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะลดลงเหลือประมาณ 2% และ GDP อยู่ที่ 2% ซึ่งเป็นที่ยอมรับได้โดยทั่วไป"
อย่างไรก็ตาม ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนม.ค.ของไต้หวันเพิ่มขึ้น 3.04% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของตลาดที่คาดไว้ว่าอาจเพิ่มขึ้น 2.69%
ทั้งนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างรวดเร็ว โดยลดลง 0.41% ในไตรมาส 4/2565 ดังนั้นธนาคารกลางจะต้องพิจารณาในการประชุมประจำไตรมาสถัดไปในวันที่ 23 มี.ค.นี้ว่า จะคงอัตราดอกเบี้ยหรือเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย