สถาบันนโยบายยุทธศาสตร์แห่งออสเตรเลีย (ASPI) ซึ่งเป็นหน่วยงานวิเคราะห์ด้านความมั่นคงเปิดเผยในวันนี้ (2 มี.ค.) ว่า เทคโนโลยีอุบัติใหม่ (Emerging Technologies) ของจีนแซงหน้าสหรัฐมากถึง 37 ประเภทจากทั้งหมด 44 ประเภท เนื่องจากหลายประเทศในฝั่งตะวันตกซึ่งรวมถึงสหรัฐนั้นสูญเสียความสามารถในการแข่งขันระดับโลกด้านงานวิจัย
ผลการศึกษาของ ASPI ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐยังพบว่า ในงานวิจัยบางประเภทนั้น สถาบันวิจัยระดับท็อปเท็นของโลกนั้นตั้งอยู่ในประเทศจีน
ทั้งนี้ ASPI ระบุว่า สำหรับเทคโนโลยีอุบัติใหม่นั้น สหรัฐมักจะอยู่ในอันดับที่สองรองจากจีน แม้สหรัฐนำหน้าในงานวิจัยระดับโลกเกี่ยวกับการประมวลผลประสิทธิภาพสูง, เทคโนโลยีควอนตัม คอมพิวติง, ดาวเทียมขนาดเล็ก และวัคซีนก็ตาม
"ประเทศตะวันตกกำลังสูญเสียความสามารถด้านการแข่งขันทางเทคโนโลยีระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแข่งขันในด้านผลการวิจัยและวิทยาศาสตร์" ASPI ระบุ พร้อมกับเรียกร้องให้รัฐบาลของชาติตะวันตกเพิ่มการลงทุนในด้านงานวิจัย
จีนมีความก้าวล้ำนำหน้าในงานวิจัยที่มีผลกระทบสูงภายใต้โครงการต่าง ๆ ของรัฐบาล โดย ASPI ระบุว่า หากประชาคมโลกได้รับรู้ถึงความสามารถด้านการวิจัยที่แข็งแกร่งของจีนก่อนหน้านี้ ก็คงจะไม่ประหลาดใจกับการคิดค้นเทคโนโลยีขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง (hypersonic missiles) ของจีนในปี 2564
"ย้อนไปเมื่อช่วง 5 ปีที่แล้ว จีนสามารถสร้างสรรค์งานวิจัยที่มีผลกระทบสูงได้ถึง 48.49% ได้แก่งานวิจัยด้านเครื่องยนต์ของเครื่องบินที่ทันสมัย ซึ่งรวมถึงเทคโนโลยีความเร็วเหนือเสียง นอกจากนี้ จีนยังเป็นฐานที่ตั้งของสถาบันวิจัยระดับท็อปเท็นของโลกถึง 7 แห่ง" ASPI ระบุในรายงาน
นอกจากนี้ ASPI ยังเปิดเผยว่า ความสามารถด้านการวิจัยที่แข็งแกร่งของจีนในด้านเทคโนโลยีตรวจจับภาพ (Photonic Sensors) และการสื่อสารเชิงควอนตัม (Quantum Communication) นั้น อาจจะส่งผลให้หน่วยข่าวกรอง "Five Eyes" ของอังกฤษ สหรัฐ ออสเตรเลีย แคนาดา และนิวซีแลนด์ ไม่สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ