นางเหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า จีนและปากีสถานถือเป็นพันธมิตรที่แน่นแฟ้น ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม
นอกจากนี้ นางเหมาเรียกร้องให้เจ้าหนี้ทั้งหมดของปากีสถานมีบทบาทในเชิงสร้างสรรค์เพื่อสร้างเสถียรภาพต่อเศรษฐกิจและสังคมของปากีสถาน
แถลงการณ์ดังกล่าวมีขึ้น ขณะที่ปากีสถานกำลังเผชิญวิกฤตการเงิน และการเจรจาเงินกู้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ยังคงไม่มีความคืบหน้า
ขณะนี้ จีนนับเป็นประเทศเดียวที่ให้การช่วยเหลือทางการเงินต่อปากีสถานด้วยการประกาศรีไฟแนนซ์เงินกู้จำนวน 700 ล้านดอลลาร์
ค่าเงินรูปีของปากีสถานดิ่งลงสู่ระดับ 284 เทียบดอลลาร์ในวันนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ก่อนที่จะฟื้นตัวสู่ระดับ 279 แต่ก็ยังคงร่วงลง 6% ในวันนี้ และทรุดตัวลงเกือบ 20% นับตั้งแต่ต้นปี 2566
"ความล่าช้าในการบรรลุข้อตกลงกับ IMF กำลังสร้างความไม่แน่นอนต่อตลาดปริวรรตเงินตรา" นายโมฮาเหม็ด โซเฮล นักวิเคราะห์จากท็อปไลน์ ซีเคียวริตี้ส์ กล่าว
การเจรจาเงินกู้วงเงินกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ระหว่างปากีสถานและ IMF ได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ก็ยังคงไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด ขณะที่ IMF แสดงความกังวลต่อกรอบนโยบายของปากีสถาน
เงินกู้ดังกล่าวถือว่ามีความสำคัญต่อปากีสถาน ขณะที่ปริมาณเงินทุนสำรองได้ลดลงสู่ระดับที่เพียงพอสำหรับการนำเข้าสินค้าไม่ถึง 3 สัปดาห์
ทางด้านธนาคารกลางปากีสถานประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 3% สู่ระดับ 20% ในวันนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2539 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 2%
ธนาคารกลางระบุว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวเป็นมาตรการในการสกัดเงินเฟ้อ หลังจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พุ่งแตะระดับ 31.5% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 50 ปี
ทั้งนี้ ธนาคารกลางได้ตัดสินใจจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันนี้ เร็วกว่ากำหนดเดิมในวันที่ 16 มี.ค. และได้เลื่อนกำหนดวันประชุมในเดือนเม.ย.เป็นวันที่ 4 เม.ย. จากเดิมวันที่ 27 เม.ย.
หลายฝ่ายมองว่าการที่ธนาคารกลางปากีสถานจัดการประชุมนโยบายการเงินเร็วกว่ากำหนด และได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าคาดในวันนี้ เนื่องจากต้องการให้ IMF ปล่อยเงินกู้ให้ปากีสถาน ซึ่งคาดว่าจะได้รับวงเงินมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์