จีนออกโรงกำชับให้บรรดานายธนาคารในจีนปรับเปลี่ยนทัศนคติให้สอดคล้องกับครรลองของพรรคคอมมิวนิสต์ และหยุดใช้ชีวิตเจ้าสำราญตามอย่างชาติตะวันตก โดยคณะกรรมการตรวจสอบวินัยส่วนกลางแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CCDI) เตือนว่า นายธนาคารทั้งหลายควรละทิ้งพฤติกรรมอวดอ้างว่าตนเองเป็นชนชั้นอภิสิทธิ์ทางการเงิน
ทั้งนี้ CCDI ได้ออกคำสั่งครั้งนี้ผ่านเอกสารวิจารณ์จำนวน 3,500 คำเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นสัญญาณล่าสุดที่แสดงให้เห็นว่าเส้นทางการกระชับอำนาจในระบบการเงินของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงนั้นยังคงต้องดำเนินการต่าง ๆ อีกมาก
ในขณะที่การประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีนมีกำหนดเปิดฉากขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์นี้นั้น ปธน.สีมีแนวโน้มที่จะเดินหน้าควบคุมการบริหารประเทศในเชิงรุกด้วยการจัดตั้งคณะกรรมาธิการที่ทรงอิทธิพลเพื่อประสานงานด้านนโยบายเศรษฐกิจและการเงิน ตลอดจนสถาปนาคนสนิทให้เข้ามาเป็นหูเป็นตาสอดส่องภารกิจทั้งหมด
ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นในช่วงที่นายเปา ฝาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทไชน่า เรเนซองส์ โฮลดิ้งส์ (China Renaissance Holdings) ซึ่งเป็นนักการเงินแถวหน้าของจีนหายตัวไปแบบกะทันหัน และหลังจากที่เจ้าหน้าที่หลายสิบรายต้องกลายเป็นคนตกต่ำในเวลาเพียงชั่วข้ามคืนตลอดช่วง 18 เดือนที่ผ่านมาจากการกวาดล้างการทุจริตในภาคการเงินครั้งใหญ่ที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์จีน
นายเสิ่น เหมิง ผู้อำนวยการบริษัทชานสัน แอนด์ โค (Chanson & Co) วาณิชธนกิจในกรุงปักกิ่งระบุว่า "พัฒนาการทั้งหมดนี้ส่อไปในทิศทางเดียวว่า พรรคคอมมิวนิสต์จะควบคุมทุกสิ่งอย่าง ซึ่งรวมถึงงานด้านเศรษฐกิจและการเงิน เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายมองว่าอุตสาหกรรมการเงินเป็นหัวใจหลักสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยภาคดังกล่าวจะถูกกล่าวโทษทันที หากเศรษฐกิจย่ำแย่"
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นี่คือห้วงเวลาสำคัญสำหรับปธน.สี เนื่องจากเขาพยายามควบคุมความเสี่ยงในภาคการเงินที่มีมูลค่าสูงถึง 60 ล้านล้านดอลลาร์ ด้วยการออกมาตรการควบคุมที่เข้มงวดยิ่งขึ้น เพื่อสกัดภาวะกระแสเงินทุนไหลออก รวมถึงควบคุมระดับหนี้สินและตัดตอนพฤติกรรมเสี่ยงต่าง ๆ ขณะเดียวกันก็พยายามพลิกฟื้นเศรษฐกิจและรับมือผลกระทบทางเศรษฐกิจจากผลพวงของความขัดแย้งที่มีกับสหรัฐ