ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐเตรียมเสนอแผนปรับขึ้นภาษีเงินเดือนของชาวสหรัฐที่มีรายได้มากกว่า 400,000 ดอลลาร์ต่อปี และเปิดทางให้รัฐบาลมีอำนาจใหม่ในการต่อรองราคายา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่ทำเนียบขาวระบุว่า จะช่วยเพิ่มความสามารถในการชำระหนี้ (solvency) ของโครงการประกันสุขภาพที่สำคัญของสหรัฐ (Medicare) ต่อไปได้อีก 25 ปี
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ปธน.ไบเดนได้ระบุในบทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทม์สก่อนการประกาศแผนดังกล่าวว่า "งบประมาณที่ผมจะเสนอในสัปดาห์นี้จะช่วยให้กองทุนเมดิแคร์ ทรัสต์ ฟันด์ (Medicare trust fund) สามารถชำระหนี้ต่อไปได้เกินจากปี 2593 โดยไม่ต้องปรับลดสิทธิประโยชน์แม้แต่แดงเดียว และแท้จริงแล้ว เรายังสามารถมอบสิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่ายิ่งขึ้นได้ เพื่อรับประกันว่า ชาวสหรัฐจะได้รับการดูแลที่ดีขึ้นจากเงินที่ได้จ่ายให้กับกองทุนเมดิแคร์"
เอกสารของทำเนียบขาวระบุว่า งบประมาณของปธน.ซึ่งจะเปิดเผยในวันนี้ (9 มี.ค.) เสนอให้มีการปรับเพิ่มการเก็บภาษีเมดิแคร์จาก 3.8% เป็น 5% สำหรับผู้ที่มีรายได้ต่อปีที่สูงกว่า 400,000 ดอลลาร์ และขจัดช่องโหว่ที่บรรดาเจ้าของธุรกิจและผู้มีรายได้สูงสามารถใช้เพื่อเลี่ยงภาษีเพิ่มเติม
นอกจากนี้ แผนการของปธน.ไบเดน ยังช่วยสนับสนุนเงินสำรองของเมดิแคร์ผ่านโครงการปฏิรูปยาที่ต้องใช้ใบสั่งแพทย์มูลค่าราว 2 แสนล้านดอลลาร์ในช่วง 10 ปีข้างหน้า โดยจะเปิดโอกาสให้โครงการเมดิแคร์สามารถเจรจาต่อรองเกี่ยวกับราคายาต่าง ๆ จำนวนมากขึ้นและในทันทีหลังจากที่ยาออกสู่ตลาด