บรรดานักลงทุนในซิลิคอน วัลเลย์และภาคการเงินต่างออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลกลางสหรัฐเข้ามาจัดการให้ธนาคารรายอื่นรับเอาสินทรัพย์และหนี้สินของซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) หลังสถาบันการเงินแห่งนี้ล้มในวันศุกร์ที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า บรรษัทค้ำประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) จะจ่ายเงินคืนผู้ฝากได้รายละ 250,000 ดอลลาร์ โดยอาจสามารถเริ่มจ่ายเงินให้กับผู้ฝากได้อย่างเร็วที่สุดในวันจันทร์ที่ 13 มี.ค.
แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ของ SVB นั้นเป็นกลุ่มธุรกิจที่ฝากเงินเอาไว้มากกว่า 250,000 ดอลลาร์ โดยเอกสารที่ยื่นต่อหน่วยงานกำกับดูแลกฎระเบียบระบุว่า ณ เดือนธ.ค. การฝากเงินที่ธนาคาร SVB กว่า 95% นั้นเป็นการฝากแบบไม่มีประกัน โดยผู้ฝากเงินจำนวนมากเป็นสตาร์ตอัป โดยจำนวนมากวิตกกังวลว่าจะไม่มีเงินจ่ายเงินเดือนพนักงานในเดือนนี้ ซึ่งจะทำให้ธุรกิจประสบปัญหาและเกิดการปลดพนักงานแบบเป็นวงกว้างในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
นักลงทุนวิตกกังวลว่าปัญหาเหล่านี้จะลดความเชื่อมั่นในภาคธนาคาร โดยเฉพาะธนาคารขนาดกลางที่มียอดเงินฝากต่ำกว่า 2.5 แสนล้านดอลลาร์ โดยที่ผ่านมานั้นธนาคารเหล่านี้ไม่ได้ถูกมองว่าเป็นธนาคารที่ "มีขนาดใหญ่เกินกว่าจะยอมให้ล้มได้" ดังนั้นจึงไม่ต้องเข้ารับการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test)
นายเดวิด แซกส์ นักธุรกิจการร่วมลงทุนและอดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทเทคโนโลยีเรียกร้อง ให้รัฐบาลกลางสหรัฐเข้ามาผลักดันให้ธนาคารรายอื่นเข้าซื้อสินทรัพย์ของ SVB โดยระบุผ่านทางทวิตเตอร์ว่า "นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อยู่ที่ไหน นางเจเนต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐอยู่ที่ไหน เข้ามาหยุดวิกฤตนี้เดี๋ยวนี้ ประกาศว่าผู้ฝากเงินทุกคนจะปลอดภัย ส่งมอบ SVB ให้กับธนาคารระดับท็อป 4 จงดำเนินการตามนี้ก่อนเปิดตลาดวันจันทร์นี้ มิฉะนั้นวิกฤตจะแพร่กระจาย"
นายมาร์ก ซัสเตอร์ นักธุรกิจการร่วมลงทุนอีกรายกล่าวในทำนองเดียวกันว่า "ผมคิดว่านี่คือสิ่งที่พวกเขากำลังดำเนินการ ผมคาดหวังว่าจะได้เห็นแถลงการณ์ภายในวันนี้ (12 มี.ค.) แล้วเราจะได้เห็นกัน มิฉะนั้นสถานการณ์ในวันจันทร์นี้ต้องเลวร้ายแน่"
ด้านนายบิล แอกแมน นักลงทุนอีกรายหนึ่งระบุว่า "รัฐบาลมีเวลา 48 ชั่วโมงในการแก้ไขปัญหานี้ก่อนที่จะกอบกู้สถานการณ์ไม่ได้ การปล่อยให้เอสวีบี ไฟแนนเชียล (SVB Financial) ล้มโดยไม่ปกป้องผู้ฝากทุกคนนั้นทำให้โลกตื่นรู้ว่าเงินฝากแบบไม่มีประกันคืออะไร"