เซอร์เคิล (Circle) บริษัทคริปโทเคอร์เรนซีของสหรัฐระบุผ่านทางทวิตเตอร์เมื่อวันศุกร์ที่ 10 มี.ค.ว่า เซอร์เคิลฝากเงิน 3.3 พันล้านดอลลาร์เอาไว้ในธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) ซึ่งเงินก้อนดังกล่าวนั้นเป็นเงินสำรองส่วนหนึ่งของเหรียญคริปโทฯ USDC จากทั้งหมด 4 หมื่นล้านดอลลาร์
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เซอร์เคิลออกมาประกาศเรื่องนี้หลังจากที่ธุรกิจ SVB ล้มในวันศุกร์ ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ธนาคารล้มครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินครั้งใหญ่เมื่อปี 2551
ขณะนี้นักลงทุนต่างระมัดระวังตัวเกี่ยวกับการเกิดผลกระทบแบบเป็นวงกว้างในภาคการเงินและภาคอื่น ๆ จากปัญหาที่เกิดขึ้นกับ SVB และซิลเวอร์เกต แคปิตอล (Silvergate Capital) ผู้ปล่อยสินเชื่อรายสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมคริปโทฯ โดยซิลเวอร์เกตเพิ่งออกมาประกาศว่าจะยุติการดำเนินงานและขายสินทรัพย์ของธนาคารซิลเวอร์เกต แบงก์ (Silvergate Bank) เพื่อชำระหนี้
ทั้งนี้ เซอร์เคิลเปิดเผยในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า บริษัทได้ทำการย้ายเงินสำรองส่วนเล็ก ๆ ของเหรียญ USDC จากซิลเวอร์เกตไปยังธนาคารพันธมิตรแห่งอื่น ๆ
นอกจากนี้ เซอร์เคิลระบุในวันศุกร์ว่า เซอร์เคิลและเหรียญ USDC ยังดำเนินงานตามปกติ ในขณะที่จับตามองว่าการสั่งพิทักษ์ทรัพย์บริษัท SVB นั้นจะส่งผลกระทบต่อผู้ฝากเงินอย่างไร
ส่วนบริษัทคริปโทฯรายอื่น ๆ หลายแห่งต่างออกมาปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับ SVB โดยนายจ้าว ฉางเผิง ซีอีโอของไบแนนซ์ระบุเมื่อวันศุกร์ว่า บริษัทไม่มีความเกี่ยวข้องกับ SVB เช่นเดียวกับนายเปาโล อาร์โดอิโน ซีอีโอของเทเธอร์ (Tether) ด้านเจมิไน (Gemini) แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีรายใหญ่ของสหรัฐก็ออกมาระบุว่า ไม่มีความสัมพันธ์ข้องเกี่ยวกับ SVB เช่นกัน