ราคาหุ้นของธนาคารในภุมิภาคเอเชียร่วงลงช่วงเช้านี้ เนื่องจากการล้มละลายของธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) ซึ่งเป็นธนาคารสหรัฐที่ปล่อยกู้ให้กับธุรกิจสตาร์ทอัพในกลุ่มเทคโนโลยีนั้น ได้ส่งผลให้เกิดความกังวลว่าอาจจะสร้างความเสี่ยงในระบบการเงินเป็นวงกว้าง
ทั้งนี้ หุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ และหุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ดิ่งลงกว่า 1% ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นฮ่องกง ขณะที่หุ้นมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ร่วงลงเกือบ 4% และหุ้นซูมิโตโม่ มิตซุย ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ร่วงลงเกือบ 5% ในตลาดหุ้นโตเกียว ส่วนหุ้นธนาคารดีบีเอส และหุ้นธนาคารโอซีบีซี ต่างก็ร่วงลงในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นสิงคโปร์
กระทรวงปกป้องการเงินและนวัตกรรมแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย ประกาศปิดกิจการของ SVB ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และต่อมาสหรัฐได้สั่งปิดกิจการซิกเนเจอร์ แบงก์ (Signature Bank) ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่ปล่อยกู้ให้กับอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี โดยมีเป้าหมายที่จะป้องกันความเสี่ยงในระบบธนาคาร
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า มูลค่าตลาดของธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐหายไปกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่แล้วหลังการล้มละลายของ SVB ขณะที่มูลค่าตลาดของธนาคารพาณิชย์ในยุโรปหายไปราว 5 หมื่นล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ดี ในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย กระทรวงการคลังสหรัฐแถลงยืนยันว่า ประชาชนที่ฝากเงินไว้ที่ธนาคาร SVB และธนาคารซิกเนเจอร์ แบงก์ สามารถเข้าถึงเงินฝากของตนได้เต็มจำนวน โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันจันทร์ที่ 13 มี.ค.เป็นต้นไป
ทางด้านธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศว่า เฟดจะจัดตั้งโครงการ "Bank Term Funding Program" โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องสถาบันการเงินต่าง ๆ ไม่ให้ได้รับผลกระทบจากการล้มละลายของ SVB โดยภายใต้โครงการดังกล่าวนั้น เฟดจะเสนอเงินกู้อายุ 1 ปีให้กับธนาคารพาณิชย์, สถาบันรับฝากเงิน, เครดิตยูเนี่ยน และสถาบันการเงินประเภทอื่น ๆ