มูลค่าตลาดของหุ้นกลุ่มการเงินทั่วโลกหายไปถึง 4.65 แสนล้านดอลลาร์ในขณะนี้ เนื่องจากนักลงทุนลดการลงทุนในหุ้นกลุ่มการเงินทั่วโลกตั้งแต่ในตลาดหุ้นนิวยอร์กไปจนถึงตลาดหุ้นญี่ปุ่น หลังจากการล้มละลายของธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (Silicon Valley Bank) หรือ SVB ได้ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพในระบบธนาคาร
ราคาหุ้นกลุ่มการเงินดิ่งลงต่อเนื่องจนถึงช่วงเช้าวันนี้ โดยดัชนี MSCI Asia Pacific Financials Index ร่วงลง 2.7% สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 29 พ.ย. 2565 โดยหุ้นมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ดิ่งลงรุนแรงถึง 8.3% ในตลาดหุ้นญี่ปุ่น ขณะที่หุ้นฮานา ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ร่วงลง 4.7% ในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ และหุ้นเอเอ็นแซด กรุ๊ป โฮลดิ้ง ร่วงลง 2.8% ในตลาดหุ้นออสเตรเลีย
ราคาหุ้นเหล่านี้ปรับตัวลงตามทิศทางหุ้นกลุ่มการเงินในตลาดสหรัฐ เนื่องจากนักลงทุนไม่มั่นใจว่าแผนการกู้วิกฤตระบบธนาคารของสหรัฐจะช่วยป้องกันผลกระทบที่ลุกลามจากการล้มละลายของ SVB ได้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม บริษัทด้านการเงินในเอเชียถูกมองว่าเป็นภาคส่วนที่ไม่ได้รับความเสี่ยงโดยตรงจากการล้มละลายของ SVB
ทั้งนี้ มูลค่าตลาดโดยรวมของบริษัทการเงินทั่วโลกที่จดทะเบียนในดัชนี MSCI World Financials Index และ MSCI EM Financials Index ลดลงราว 4.65 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาเพียง 3 วัน
ธนาคาร SVB ได้ถูกรัฐบาลสหรัฐสั่งปิดกิจการเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (10 มี.ค.) หลังจากราคาหุ้น SVB ทรุดตัวลงอย่างหนัก ท่ามกลางความกังวลว่า SVB อาจต้องเพิ่มทุนจำนวนมากเพื่อชดเชยการขาดทุนมหาศาลจากการขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ โดย SVB จำเป็นต้องขายพันธบัตรในราคาต่ำกว่าหน้าตั๋ว เนื่องจากราคาพันธบัตรปรับตัวลงสวนทางกับดอกเบี้ยที่พุ่งขึ้นตามนโยบายเฟด ขณะที่ธุรกิจสตาร์ตอัปในกลุ่มเทคโนโลยีได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยในระดับสูง และได้แห่ถอนเงินฝากจาก SVB
ที่ผ่านมานั้น เฟดดำเนินนโยบายปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเชิงรุกเพื่อสกัดเงินเฟ้อ แต่การเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของภาคธุรกิจ ซึ่งรวมถึงธุรกิจสตาร์ตอัปในกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งเป็นฐานลูกค้าสำคัญของ SVB