กลุ่มนักการเงินเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า การล่มสลายอย่างกะทันหันของธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (Silicon Valley Bank) หรือ SVB เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อาจเป็นอุปสรรคต่อการจัดหาเงินทุนของบรรดาสตาร์ตอัปเทคโนโลยีของแคนาดา และทำให้ต้องหันมาพึ่งพาผู้ให้สินเชื่อภายในประเทศ ซึ่งอาจพิจารณาสนับสนุนเงินทุนสำหรับกิจการใหม่ได้ยากมากขึ้น
รายงานระบุว่า เรื่องดังกล่าวนับเป็นข่าวร้ายสำหรับภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่เพิ่งเผชิญอุปสรรคไปเมื่อปี 2565 และทำให้บรรดานักลงทุนไม่กล้าเสี่ยงที่จะลงทุนในกลุ่มบริษัทที่กำลังจัดตั้งใหม่
นายนีล เซลฟ์ ซีอีโอของบริษัทที่ปรึกษาอินฟอร์ ไฟแนนเชียล กล่าวว่า "ผมมองว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา นี่อาจเป็นจังหวะเวลาที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เนื่องจากปัญหาการชะลอตัวของภาคเทคโนโลยีที่เราได้เผชิญ"
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ธนาคาร SVB สาขาแคนาดา ซึ่งได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการเมื่อปี 2562 ได้แข่งขันกับธนาคารและผู้ให้สินเชื่อภาคเอกชนอื่น ๆ ในการช่วยเหลือด้านการเงินเพื่อสนับสนุนการเติบโตของภาคเทคโนโลยีของแคนาดา ก่อนที่ล้มละลายเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (10 มี.ค.) โดยก่อนหน้านี้ SVB ได้ปล่อยสินเชื่อที่มีหลักประกันเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวสู่ระดับ 435 ล้านดอลลาร์แคนาดา (314 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปี 2565 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า
นางคิม เฟอร์ลอง ซีอีโอของสมาคมแคนาดา เวนเจอร์ แคปิตอล แอนด์ ไพรเวท อิควิตี้ กล่าวกับสำนักข่าวซีบีซีเมื่อวานนี้ (13 มี.ค.) ว่า แคนาดากลายเป็นศูนย์กลางทางเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากซิลิคอน วัลเลย์
ทั้งนี้ บริษัทต่าง ๆ รวมถึง ชอปปิฟาย อิงค์ (Shopify Inc) เป็นตัวอย่างของเรื่องราวความสำเร็จด้านเทคโนโลยีของแคนาดา ซึ่งดึงดูดเม็ดเงินลงทุนมายังภาคส่วนนี้มากขึ้น