กลุ่มธุรกิจร่วมทุนในสิงคโปร์ ให้ความเห็นกับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า วิกฤตการล่มสลายของธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (Silicon Valley Bank) หรือ SVB ในสหรัฐ ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการระดมทุนของบริษัทเทคโนโลยีสตาร์ตอัปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานในวันนี้ (14 มี.ค.) ว่า ธนาคาร SVB ให้บริการแก่บริษัทร่วมทุนหลายแห่งและบริษัทสตาร์ตอัปที่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทร่วมทุน แต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผู้ฝากเงินต่างรีบถอนเงินจากธนาคารเนื่องจากความตื่นตระหนกต่อสถานการณ์ทางการเงินที่ลุกลามของธนาคาร SVB จนทำให้ธนาคารล้มละลายในที่สุด
นายเดวิด โกวดี หุ้นส่วนผู้จัดการของจังเกิล เวนเจอร์ส บริษัทร่วมลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กล่าวว่า "ผมคิดว่าผลกระทบในการระดมทุนเป็นสิ่งที่ควรเฝ้าระวัง แต่ผมไม่คิดว่าปัญหาจะลุกลามออกไป"
"ผมคิดว่ารัฐมนตรีคลังเยลเลน และรัฐบาลสหรัฐทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมในการยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือและกำจัดความเสี่ยงออกไปอย่างมาก ซึ่งสร้างเสถียรภาพในตลาดได้เป็นอย่างมาก" นายโกวดี กล่าว โดยเมื่อวันที่ 12 มี.ค. เจ้าหน้าที่สหรัฐรวมถึงนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐ ได้ประกาศแผนการช่วยเหลือผู้ฝากเงินของธนาคาร SVB
นายโกวดีกล่าวอีกว่า SVB เป็นธนาคารหลักของจังเกิล เวนเจอร์ส "แต่เราได้ดึงเงินจำนวนมหาศาลเข้ามาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเข้าสู่ธนาคารสิงคโปร์แล้ว ดังนั้นผลกระทบของ SVB ที่มีต่อเราจึงไม่มากนัก"
เมื่อถูกถามว่าวิกฤติดังกล่าวทำให้การระดมทุนยากขึ้นหรือไม่ นายโกวดีกล่าวว่า กองทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการบริหารเงินทุนที่ดี
ทางด้านนายวินนี ลอเรีย หุ้นส่วนผู้จัดการของโกลเด้น เกต เวนเจอร์ส (Golden Gate Ventures) ซึ่งลงทุนในบริษัทสตาร์ตอัปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่าการล้มละลายของ SVB คือโอกาสของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
"เรื่องนี้เป็นประโยชน์อย่างแท้จริงต่อเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นโอกาสทองของนักลงทุนในสหรัฐ โดยบรรดานักลงทุนเริ่มพูดกันว่า อยากกระจายเงินทุนไปยังบัญชีธนาคารอื่น ๆ ในภูมิภาคอื่น ๆ และสกุลเงินอื่น ๆ" นายลอเรีย กล่าวกับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีในวันนี้ (14 มี.ค.) "และนี่คือเวลาที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะได้เฉิดฉายในสถานการณ์ตอนนี้"