ข้อมูลจากเครดิต สวิส ระบุว่า ทางธนาคารมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และมีสำนักงานมากกว่า 150 แห่งในราว 50 ประเทศทั่วโลก ซึ่งรวมถึง สหรัฐ สหราชอาณาจักร อินเดีย สิงคโปร์ และไทย โดยมีพนักงานรวมกันมากกว่า 45,000 คน
ส่วนในประเทศไทย เครดิต สวิสมีการดำเนินงานผ่านทางบริษัทหลักทรัพย์ เครดิต สวิส (ประเทศไทย) จำกัด
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวระบุว่า กระทรวงการคลังสหรัฐกำลังจับตาสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับเครดิต สวิส และกำลังตรวจสอบว่า ภาคการเงินของสหรัฐมีความเสี่ยง และมีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องมากน้อยเพียงใดกับเครดิต สวิส
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังสหรัฐกำลังดำเนินการอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานกำกับดูแลของยุโรป หลังจากที่นักลงทุนพากันเทขายหุ้นของเครดิต สวิส รวมทั้งหุ้นของธนาคารในสหรัฐและยุโรป จนส่งผลให้ตลาดหุ้นดิ่งลงอย่างหนัก
หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์สรายงานว่า เครดิต สวิส ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสวิตเซอร์แลนด์ ได้ยื่นเรื่องขอความช่วยเหลือต่อธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์แล้ว ขณะที่ธนาคารเผชิญวิกฤตสภาพคล่องในขณะนี้
นอกจากนี้ รายงานระบุว่า เครดิต สวิส ได้ขอความช่วยเหลือต่อ Finma เช่นกัน ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลตลาดการเงินของสวิตเซอร์แลนด์
นักลงทุนพากันเทขายหุ้นเครดิต สวิส หลังธนาคารซาอุดี เนชั่นแนล แบงก์ (Saudi National Bank) หรือ SNB ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของเครดิต สวิส ประกาศว่า SNB ไม่สามารถเพิ่มความช่วยเหลือทางการเงินต่อเครดิต สวิส เนื่องจากจะทำให้ SNB ถือหุ้นในเครดิต สวิสมากกว่า 10% ซึ่งจะเป็นการทำผิดกฎระเบียบธนาคาร
ก่อนหน้านี้ เครดิต สวิสเปิดเผยว่า ธนาคารขาดทุนสุทธิ 1.4 พันล้านฟรังก์สวิสในไตรมาส 4/2565 โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.32 พันล้านฟรังก์สวิส ส่งผลให้ยอดขาดทุนตลอดทั้งปีอยู่ที่ 7.3 พันล้านฟรังก์สวิส
นอกจากนี้ ลูกค้าแห่ถอนเงินฝากมากกว่า 1.10 แสนล้านฟรังก์สวิสในไตรมาส 4/2565 ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับข่าวอื้อฉาวของธนาคารในการทำผิดกฎระเบียบ และความเสี่ยงในการถูกดำเนินคดี