หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทม์ส รายงานในวันนี้ (23 มี.ค.) ว่า สตาร์บัคส์ (Starbucks) แฟรนไชส์ร้านกาแฟยักษ์ใหญ่ของสหรัฐกำลังวางเดิมพันครั้งใหญ่ในจีน ที่ที่มีการแข่งขันเพิ่มสูงขึ้น โดยเป็นหนึ่งในการดำเนินการครั้งสุดท้ายนายฮาวเวิร์ด ชูลท์ซก่อนที่จะอำลาตำแหน่งซีอีโอในเดือนนี้ แต่ผลลัพธ์ล่าสุดไม่เป็นไปดั่งหวัง
รายงานระบุว่า สตาร์บัคส์วางแผนที่จะขยายสาขาใหม่ในจีนในทุก ๆ 9 ชั่วโมง เพื่อให้แตะเป้าหมาย 9,000 สาขา ภายในปี 2568 เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มีอยู่กว่า 6,000 สาขา และยังวางแผนที่จะเปิดโรงคั่วกาแฟ มูลค่า 130 ล้านดอลลาร์ ในเมืองคุนซานในปีนี้ ซึ่งจะเป็นโรงคั่วกาแฟของสตาร์บัคส์แห่งแรกในเอเชีย ในความพยายามของทางแบรนด์ที่จะขยายแบรนด์ในจีนให้มากขึ้นหลังจากเข้าสู่ตลาดจีนเมื่อเกือบ 25 ปีที่แล้ว
สตาร์บัคส์สร้างรายได้ในจีน 2.5 พันล้านดอลลาร์ จากรายได้ทั่วโลก 3.2 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว แต่ยอดขายของสาขาเดิมในจีนทรุดตัวลง 29% เมื่อเทียบเป็นรายปี ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2565 ซึ่งย่ำแย่กว่าที่คาดการณ์ไว้ถึง 4 เท่า เนื่องจากจีนยกเลิกนโยบายควบคุมโควิด-19 อันเข้มงวด และเชื้อไวรัสได้แพร่กระจายไปทั่วประเทศ
นายชูลท์ซ กล่าวในการรายงานผลประกอบการว่า "เราเพิ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้นของเรื่องราวการเติบโตของเราในจีนเท่านั้น ความมั่นใจของเรา และความทะเยอทะยานของเราที่มีต่อตลาดและคู่ค้าของเรานั้นยิ่งใหญ่กว่าที่เคยมีมา"
อนึ่ง นายชูลท์ซลงจากตำแหน่งซีอีโอสตาร์บัคส์เมื่อวันที่ 20 มี.ค. โดยผู้ที่มารับช่วงต่อคือนายลักษมันน์ นรสิงห์ (Laxman Narasimhan)