นายโจว โซ่วจือ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทติ๊กต๊อก (TikTok) พยายามปกป้องบริษัทจากการถูกสหรัฐสั่งแบน หรือถูกกดดันให้ขายกิจการแก่สหรัฐในการเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมการด้านพลังงานและการพาณิชย์ของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐนาน 4 ชั่วโมงครึ่งเมื่อวันพฤหัสบดี (23 มี.ค.) แต่เขาแทบไม่สามารถเปลี่ยนแปลงท่าทีปฏิปักษ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นการชี้แจงได้
"แพลตฟอร์มของคุณควรถูกแบน" นางแคธี แมคมอร์ริส ร็อดเจอร์ส ประธานคณะกรรมการด้านพลังงานและการพาณิชย์ของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐกล่าวในการเปิดการชี้แจง พร้อมระบุเสริมว่า "ดิฉันคิดว่าวันนี้คุณจะพูดในสิ่งที่จะช่วยให้สามารถหลีกเลี่ยงผลลัพธ์นี้"
นางร็อดเจอร์สเตือนให้นายโจวทราบว่า เขาต้องกล่าวถ้อยคำชี้แจงด้วยความสัตย์จริง ขณะเดียวกัน ส.ส.รายอื่น ๆ ต่างก็เอ่ยคำเตือนดังกล่าวกับนายโจวหลายครั้งในระหว่างการเข้าชี้แจงเมื่อวานนี้ ซึ่งตอกย้ำให้เห็นว่าต่างฝ่ายต่างแทบไม่มีความไว้เนื้อเชื่อใจกัน โดยมีหลายช่วงเวลาที่น่าจดจำสำหรับการเข้าชี้แจงครั้งนี้
*จีนแสดงจุดยืนชัดเจนตั้งแต่ก่อนการชี้แจง
ความเคลื่อนไหวสำคัญที่สุดที่เกิดขึ้นก่อนการชี้แจงครั้งนี้คือ นางซู เจวียถิง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีนระบุว่า รัฐบาลจีนจำเป็นต้องให้การอนุมัติเสียก่อน ไบต์แดนซ์จึงจะสามารถขายกิจการติ๊กต๊อกให้กับสหรัฐได้ ถ้อยแถลงดังกล่าวได้บั่นทอนความน่าเชื่อถือของติ๊กต๊อก ไม่ว่านายโจวจะพยายามรับประกันว่าติ๊กต๊อกมีความสามารถในการปกป้องข้อมูลของสหรัฐเพียงใด
นอกจากนี้ ยังเป็นการสุมไฟให้กลุ่มส.ส.สหรัฐรุมโจมตีติ๊กต๊อกมากยิ่งขึ้น จากเดิมที่เตรียมวิพากษ์วิจารณ์นายโจวและติ๊กต๊อกอยู่แล้วเกี่ยวกับข้อกังวลด้านนโยบายความปลอดภัยของข้อมูลและเนื้อหาที่ไม่รุนแรง รวมถึงผลกระทบที่ติ๊กต๊อกมีต่อผู้ใช้งานทั้งหมด 150 ล้านคนในสหรัฐ โดยเฉลี่ยแล้วแต่ละคนใช้งานติ๊กต๊อกวันละกว่าหนึ่งชั่วโมงครึ่ง
*นายโจวเกือบเสียศูนย์ ขณะพยายามปกป้องติ๊กต๊อก
สำนักข่าวบลูมเบิร์กระบุว่า นายโจวทำหน้าที่ได้อย่างน่าทึ่งในการปกป้องตัวเองและติ๊กต๊อกในห้องที่เต็มไปด้วยส.ส.ที่แสดงท่าทีที่เป็นปฏิปักษ์และจงใจตั้งคำถามในทุก ๆ ถ้อยคำของเขา ทั้งยังคอยขัดไม่ให้เขาตอบคำถามหลายต่อหลายครั้ง อย่างไรก็ตาม นายโจวประสบความล้มเหลวในการโน้มน้าวใจส.ส.กลุ่มนี้ โดยเฉพาะในช่วงที่เขาแสดงความคิดเห็นแบบระมัดระวังต่อสิ่งที่ส.ส.กลุ่มดังกล่าววิตกกังวลมากที่สุด
นายนีล ดันน์ ส.ส.สังกัดพรรครีพับลิกันจากรัฐฟลอริดาถามว่า ไบต์แดนซ์ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของติ๊กต๊อกได้ทำการ "สอดแนมชาวอเมริกันหรือไม่"
"ผมไม่คิดว่าการใช้คำว่าสอดแนมจะเป็นคำที่เหมาะสม" นายโจวระบุ ก่อนที่เขาจะตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องที่จีนสามารถเข้าถึงข้อมูลของสหรัฐว่า "ผมไม่ทราบในเรื่องนั้น"
*สมาชิกสภามะกันรุมจวกซีอีโอติ๊กต๊อก
ความคิดเห็นที่สำคัญนั้นมาจากบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในห้องชี้แจง โดยนายมาร์โก รูบิโอ วุฒิสมาชิกสังกัดพรรครีพับลิกันจากรัฐฟลอริดาระบุว่า นายโจวนั้น "โกหกและทำพลาด" พร้อมระบุว่า แนวโน้มที่สหรัฐจะคว่ำบาตรติ๊กต๊อกนั้น "เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ"
นายไมเคิล แมกคอล ผู้แทนการชี้แจงครั้งนี้และประธานคณะกรรมการกิจการต่างประเทศของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐระบุว่า ถ้อยแถลงของนายโจวเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ติ๊กต๊อกต้องถูกขายหรือถูกแบน โดยคณะกรรมการกิจการต่างประเทศของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐนั้นมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการออกกฎหมายที่จะคว่ำบาตรหรือบังคับให้ติ๊กต๊อกขายกิจการ
ส่วนนายไมเคิล เบนเนต์ วุฒิสมาชิกสังกัดพรรคเดโมแครตจากรัฐโคโลราโดระบุว่า นายโจวไม่สามารถคลายความกังวลของเขาได้
*ประเด็นการฆ่าตัวตายทำให้สถานการณ์ยิ่งตึงเครียด
ติ๊กต๊อกได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มคนหนุ่มสาวและผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้ง ส่งผลให้มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับนโยบายการเผยแพร่เนื้อหาที่ไม่รุนแรง เช่น อัลกอริทึมของติ๊กต๊อกมีการแสดงเนื้อหาที่เป็นภัยต่อบุคคลที่อาจกำลังรับมือกับปัญหาการติดยาหรือพยายามฆ่าตัวตายหรือไม่
นายจอห์น ซาร์เบนส์ ส.ส.สังกัดพรรคเดโมแครตจากรัฐแมรีแลนด์ระบุว่า สมองของเยาวชนยังพัฒนาไม่เต็มที่และไม่เหมาะกับเทคโนโลยีของติ๊กต๊อก
"นี่ไม่ใช่การต่อสู้ที่ยุติธรรมเลย อัลกอริทึมอยู่ฝั่งหนึ่งของหน้าจอและสมองมนุษย์อยู่อีกฝั่งหนึ่งของหน้าจอ" นายซาร์เบนส์กล่าว
นายกัส บิลิรากีส ส.ส.สังกัดพรรครีพับลิกันจากรัฐฟลอริดาได้รวบรวมวิดีโอที่เกี่ยวกับการฆ่าตัวตายบนติ๊กต๊อกมาเผยแพร่ในการชี้แจงครั้งนี้ พร้อมตั้งคำถามว่านายโจวได้มีการควบคุมอัลกอริทึมเหล่านี้หรือไม่
ด้านนายโจวได้ยอมรับว่า เขาไม่ปล่อยให้ลูก ๆ ของเขาใช้ติ๊กต๊อก โดยระบุว่า "ลูก ๆ ของผมอาศัยอยู่ในสิงคโปร์ และที่สิงคโปร์นั้น เราไม่มีติ๊กต๊อกเวอร์ชันที่ออกแบบมาสำหรับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 13 ปี"
*นายโจวโอดครวญติ๊กต๊อกถูกหมายหัวอย่างไม่เป็นธรรม
นายโจวยืนยันว่าติ๊กต๊อกนั้นไม่ได้มีความแตกต่างไปจากยักษ์ใหญ่โซเชียลมีเดียรายอื่น ๆ เลย พร้อมสำทับว่าติ๊กต๊อกวางมาตรการป้องกันเข้มงวดกว่าคู่แข่งรายอื่น ๆ ด้วยซ้ำ เพราะถูกตรวจสอบอย่างหนัก แต่ดูเหมือนส.ส.สหรัฐจะไม่แยแสต่อข้อโต้แย้งดังกล่าว เนื่องจากติ๊กต๊อกนั้นเติบโตอย่างมากในสหรัฐ
"การคว่ำบาตรติ๊กต๊อกในสหรัฐจะยังประโยชน์ให้กับยูทูบ อินสตาแกรม และสแนป โดยจะช่วยเพิ่มส่วนแบ่งรายได้ด้านโฆษณา" นายอีมีล เอล เนมส์ รองประธานอาวุโสฝ่ายสินเชื่อบริษัทมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิสระบุ พร้อมกล่าวเสริมว่า "เมื่อพิจารณาถึงขนาดรายได้ของยูทูบและอินสตาแกรมแล้ว การแบนติ๊กต๊อกอาจช่วยเพิ่มโอกาสด้านรายได้ไม่มากนัก แต่จะสร้างประโยชน์อย่างมีนัยสำคัญให้กับสแนป"