สำนักข่าวไฟแนนเชียล ไทม์สรายงานว่า โกลด์แมน แซคส์, เจพีมอร์แกน เชส และฟิเดลิตี้ (Fidelity) เป็นผู้กำชัยชนะรายใหญ่ที่สุดจากภาวะนักลงทุนแห่โยกย้ายเงินเข้าสู่กองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market Fund) ของสหรัฐตลอดช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากเหตุการณ์ธนาคารพาณิชย์ระดับภูมิภาค 2 แห่งของสหรัฐล้มและการเข้าซื้อเครดิต สวิสของยูบีเอส (UBS) ได้สร้างความวิตกกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของการฝากเงินในธนาคาร
อีพีเอฟอาร์ (EPFR) บริษัทให้บริการด้านข้อมูล ระบุว่า เม็ดเงินกว่า 2.73 แสนล้านดอลลาร์ทะลักเข้าสู่กองทุนรวมตลาดเงินในเดือนนี้ ทำให้เดือนนี้กลายเป็นเดือนที่มีเม็ดเงินไหลเข้ากองทุนรวมตลาดเงินมากที่สุดนับตั้งแต่ช่วงที่โรคโควิด-19 ระบาดอย่างหนักหน่วง
ไอมันนีเน็ต (iMoneyNet) ระบุเมื่อช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 24 มี.ค.ว่า กองทุนรวมตลาดเงินของโกลด์แมน แซคส์ มีเม็ดเงินไหลเข้าเพิ่มขึ้น 13% หรือเกือบ 5.2 หมื่นล้านดอลลาร์นับตั้งแต่วันที่ 9 มี.ค. เพียงหนึ่งวันก่อนที่รัฐบาลสหรัฐจะเข้าควบคุมธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) ขณะเดียวกัน กองทุนรวมตลาดเงินของเจพีมอร์แกนมีเม็ดเงินไหลเข้าเกือบ 4.6 หมื่นล้านดอลลาร์ และกองทุนรวมตลาดเงินของฟิเดลิตี้มีเม็ดเงินไหลเข้าเกือบ 3.7 หมื่นล้านดอลลาร์
ปกติแล้วกองทุนรวมตลาดเงินมักจะถือสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำมาก หรือ Very Low-Risk ซึ่งซื้อง่ายขายคล่อง เช่น พันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นของสหรัฐ โดยผลตอบแทนของกองทุนรวมตลาดเงินในปัจจุบันนั้นอยู่ในระดับดีที่สุดในรอบหลายปี เนื่องจากผลตอบแทนของกองทุนรวมตลาดเงินปรับตัวขึ้นสอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
แบงก์ ออฟ อเมริการะบุว่า เม็ดเงินไหลเข้ากองทุนรวมตลาดเงินที่พุ่งทะยานขึ้นในเดือนนี้ ช่วยให้สินทรัพย์โดยรวมในกองทุนรวมตลาดเงินพุ่งสู่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 5.1 ล้านล้านดอลลาร์ ณ วันพุธที่ 22 มี.ค.