นายวินเซนต์ เคลิร์ก ผู้บริหารคนใหม่ของเอ.พี. โมลเลอร์-เมอส์ก (A.P. Moller-Maersk) บริษัทขนส่งทางเรือและโลจิสติกส์ ระบุว่า เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวต่ำกว่าคาด เนื่องจากจำนวนผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นนั้นได้รับผลกระทบจากการหยุดชะงักจากการระบาดของโควิด-19 และภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซาลงเมื่อปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ปริมาณการซื้อขายที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจจีนยังคงแข็งแกร่ง โดยมีเพียงสัญญาณเชิงลบเล็กน้อยจากความพยายามของสหรัฐที่จะแยกห่วงโซ่อุปทานออกจากจีน
นายเคลิร์กกล่าวในการให้สัมภาษณ์ ณ กรุงปักกิ่งว่า "ในช่วงต้นปีมีความหวังว่า การเปิดพรมแดนอีกครั้งของจีนหลังการระบาดของโควิด-19 จะทำให้เราได้เห็นการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งผมคิดว่า ตอนนี้เรายังไม่เห็นมันในขณะนี้ ... ผู้บริโภคชาวจีนได้รับผลกระทบของเรื่องที่เกิดขึ้นมากกว่าที่คาด และไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะจับจ่ายใช้สอยในตอนนี้"
จีนตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 5% ในปีนี้ ซึ่งต่ำที่สุดในรอบหลายสิบปี หลังจากที่เศรษฐกิจของประเทศเติบโตต่ำกว่าคาดในปี 2565 อันเป็นผลมาจากการใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ที่เข้มงวดของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง
อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์หลายสำนักยังคงคาดหวังถึงการเติบโตอย่างแข็งแกร่งหลังจากที่จีนยกเลิกนโยบายควบคุมโควิด-19 อย่างกะทันหันเมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัวขึ้น 5.2% ในปีนี้
นายเคลิร์กระบุว่า เงินออมราว 70% ของชาวจีนอยู่ในรูปแบบของอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการที่รัฐปราบปรามเรื่องการกู้เงินมาซื้ออสังหาฯ ขณะที่หุ้นจีนทำผลงานได้ไม่ดีนัก นอกจากนี้ บรรยากาศในตลาดยังเป็นไปในแง่ลบ อันเป็นผลมาจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐกับจีนอีกด้วย
"จะเห็นได้ว่า ยังไม่มีข่าวในแง่บวกมากมายนักในตอนนี้ ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่ประชาชนจะกลับมาดำเนินพฤติกรรมการใช้จ่ายตามปกติล่าช้าไปบ้าง" นายเคลิร์กกล่าว