นายเจฟฟรีย์ กุนด์แลช ผู้ก่อตั้งบริษัทดับเบิลไลน์ แคปิตอล (Doubleline Capital) ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ CNBC ว่า เขาคาดว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และจำเป็นอย่างยิ่งที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะต้องรับมือกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง
"อุปสรรคต่าง ๆ ที่ขัดขวางการเติบโตของเศรษฐกิจกำลังก่อตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้ผมเชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ และทั้งหมดที่เราควรทำในเวลานี้คือฉุดอัตราว่างงานให้ปรับตัวลง" นายกุนด์แลชกล่าว
ทั้งนี้ นายกุนด์แลชคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ เนื่องจากภาพรวมของเศรษฐกิจสหรัฐอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้นในวันจันทร์ (27 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนพากันขายพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังคลายความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในภาคธนาคาร ในขณะที่เทรดเดอร์ต่างก็คาดการณ์ว่า คณะกรรมการเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งต่อไปซึ่งจะมีขึ้นในเดือนพ.ค.
อย่างไรก็ดี นายกุนด์แลชกล่าวว่า เขาไม่คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีจะดีดตัวขึ้น แม้ว่าเขาได้ระบุอย่างเจาะจงว่าปรับขึ้นมากเพียงใด โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีดีดตัวขึ้น 0.25% แต่ก็ยังอยู่ต่ำกว่าระดับของช่วงต้นเดือนมี.ค.ประมาณ 1%
นายกุนด์แลชกล่าวว่า หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในเดือนพ.ค. ก็อาจจะส่งผลให้สภาพคล่องในระบบธนาคารปรับตัวลงอย่างรุนแรง และอาจทำให้ธนาคารบางแห่งประสบภาวะขาดทุนอย่างคาดไม่ถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งธนาคารขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบจากการที่ลูกค้าโยกย้ายเงินฝากไปยังธนาคารที่มีขนาดใหญ่กว่า หลังจากการล่มสลายของธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ และซิกเนเจอร์ แบงก์
ที่ผ่านมานั้น ธนาคารส่วนใหญ่ประสบกับความยากลำบากในการดึงดูดเม็ดเงินฝาก เนื่องจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกของเฟดทำให้บรรดานักลงทุนพากันโยกย้ายเงินสดเข้าไปไว้ในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่า เช่น พันธบัตร และกองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market Fund)