กลุ่มผู้ผลิตเสื้อผ้าระดับโลก เช่น ฟาสต์ รีเทลลิ่ง เจ้าของแบรนด์ยูนิโคล่ จากญี่ปุ่น และมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์จากอังกฤษตัดสินใจยุติจ้างผลิตสินค้าในเมียนมา เนื่องจากปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนและความวิตกกังวลเรื่องแรงงาน รวมถึงความยากลำบากในการปฏิบัติงาน
ทั้งนี้ การก่อรัฐประหารของกองทัพเมียนมาในเดือนก.พ. 2564 ส่งผลให้บริษัทต่างชาติแห่ถอนธุรกิจออกจากเมียนมา โดยเฉพาะบริษัทต่างชาติที่ร่วมทุนกับพันธมิตรท้องถิ่นที่มีสายสัมพันธ์กับกองทัพเมียนมา ขณะเดียวกันก็จุดชนวนเหตุประท้วงต่อต้านครั้งใหญ่ และกองทัพเมียนมาก็ถูกกล่าวหาเรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชนแบบเป็นวงกว้าง
ฟาสต์ รีเทลลิ่งเป็นบริษัทล่าสุดที่ตัดสินใจถอนธุรกิจออกจากเมียนมา โดยถอดรายชื่อกลุ่มพันธมิตรในเมียนมาออกจากรายชื่อโรงงานผลิตเสื้อผ้า โดยฟาสต์ รีเทลลิ่งจ้างผลิตเสื้อแจ็กเก็ตและเสื้อเชิ้ตสำหรับแบรนด์ GU แต่จะยุติการผลิตสินค้าสำหรับฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวปี 2566
สำนักข่าวนิกเกอิ เอเชียรายงานว่า การถอนธุรกิจออกจากเมียนมาครั้งนี้แทบจะไม่มีผลกระทบต่อฟาสต์ รีเทลลิ่ง เนื่องจากบริษัทมีพันธมิตรด้านการผลิตกว่า 430 แห่งทั่วโลก เช่นในจีนและเวียดนาม
ขณะเดียวกันบริษัทเรียวฮิน เคคะคุ เจ้าของแบรนด์มูจิจากญี่ปุ่นก็มีแผนที่จะยุติการจ้างผลิตเสื้อแจ็กเก็ตและสินค้าชนิดอื่น ๆ จากเมียนมาภายในเดือนส.ค.
ด้านมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ประกาศเมื่อปีที่ผ่านมาว่าจะถอนธุรกิจออกจากเมียนมาในเดือนมี.ค. โดยระบุว่า บริษัทจะไม่อดทนต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน