สำนักข่าวบลูมเบิร์กเปิดเผยว่า บิตคอยน์เป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดในโลกในไตรมาส 1/2566 โดยพุ่งขึ้นถึง 70% ซึ่งเป็นการทะยานขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 1/2564 โดยในไตรมาสดังกล่าวบิตคอยน์ดีดตัวขึ้นถึง 103%
นอกจากนี้ บลูมเบิร์กระบุว่า ดัชนี S&P 500 ให้ผลตอบแทนเพียง 5.5% ในไตรมาส 1/2566 ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 19% ส่วนการลงทุนในพันธบัตรให้ผลตอบแทน 5.3%
อย่างไรก็ดี บิตคอยน์เป็นสินทรัพย์ที่ปรับตัวอย่างผันผวน โดยได้ทะยานขึ้นมากกว่า 1,000% ในปี 2560 ก่อนที่จะดิ่งลง 74% ในปี 2561 และกลับมาปรับตัวขึ้นในปี 2562-2564 แต่ก็ร่วงลง 64% ในปี 2565 ท่ามกลางข่าวอื้อฉาวและการล้มละลายในอุตสาหกรรมคริปโต
บิตคอยน์เคยพุ่งขึ้นทะลุ 69,000 ดอลลาร์ในเดือนพ.ย.2564 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ก่อนที่จะทรุดตัวลงต่ำกว่าระดับ 20,000 ดอลลาร์ในเดือนมิ.ย.2565 ท่ามกลางความกังวลที่ว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและปรับลดขนาดงบดุลจะฉุดสภาพคล่องในตลาด และทำให้สหรัฐเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ส่วนในวันนี้ บิตคอยน์พุ่งขึ้นทะลุ 28,000 ดอลลาร์ โดยได้ปัจจัยบวกจากการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ต่ำกว่าคาดการณ์ ซึ่งบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อได้ผ่านจุดสูงสุด และจะเป็นปัจจัยชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ณ เวลา 20.53 น.ตามเวลาไทย บิตคอยน์ดีดตัว 1.75% สู่ระดับ 28,459.75 ดอลลาร์ ในการซื้อขายบนแพลตฟอร์ม Coinbase
ก่อนหน้านี้ บิตคอยน์ร่วงหลุดระดับ 27,000 ดอลลาร์เมื่อวันจันทร์ หลังทางการสหรัฐยื่นฟ้องนายจ้าว ฉางเผิง ซีอีโอของไบแนนซ์ (Binance) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีใหญ่ที่สุดในโลก ในข้อหาละเมิดกฎหมายฟอกเงิน และเป็นแหล่งเงินทุนสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย