ธนาคารยูบีเอส (UBS) จะพยายามเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ถือหุ้นในการประชุมวันนี้ (5 เม.ย.) ว่า การเข้าซื้อกิจการคู่แข่งอย่างธนาคารเครดิต สวิส (Credit Suisse) อย่างไม่คาดคิดนั้น เป็นสิ่งที่สามารถจัดการได้ โดยการซื้อกิจการดังกล่าวเป็นการช่วยเหลือธนาคารครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์การเงินครั้งใหญ่
เมื่อเดือนที่แล้ว ทางการสวิตเซอร์แลนด์ประกาศว่า ยูบีเอสจะซื้อกิจการเครดิต สวิสในการควบรวมกิจการเพื่อยับยั้งไม่ให้ความปั่นป่วนในภาคธนาคารบานปลายไปมากกว่านี้ หลังจากที่เครดิต สวิสใกล้ล่มสลาย เนื่องจากลูกค้าแห่ถอนเงินลงทุน โดยรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์จัดการให้ยูบีเอสเข้าซื้อกิจการของเครดิต สวิสในราคา 3 พันล้านฟรังก์สวิส (3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งรัฐบาลให้การสนับสนุนและค้ำประกันเป็นเงินมากกว่า 2 แสนล้านฟรังก์สวิส
การเข้าซื้อกิจการเครดิต สวิสดังกล่าวไม่เพียงสร้างความขุ่นเคืองให้กับผู้ถือหุ้นเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงประชาชนด้วย โดยโพลสำรวจของบริษัทวิจัยทางการเมือง จีเอฟเอส.เบิร์น (gfs.bern) บ่งชี้ว่า ชาวสวิตเซอร์แลนด์ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงควบรวมกิจการดังกล่าว
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า กลุ่มผู้ถือหุ้นของยูบีเอสซึ่งเป็นธนาคารใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์มีโอกาสที่จะแสดงความคิดเห็นในการประชุมวันนี้ (5 เม.ย.) แม้ว่าพวกเขาอาจลังเลที่จะแสดงความกังวลเกี่ยวกับการควบรวมกิจการดังกล่าว เนื่องจากอาจไม่ต้องการที่จะสั่นคลอนเสถียรภาพของอุตสาหกรรมธนาคารของสวิตเซอร์แลนด์
ในปี 2565 ยูบีเอสรายงานผลกำไรสุทธิ 7.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีกระแสเงินไหลเข้าที่แข็งแกร่งในการบริหารความมั่งคั่ง ซึ่งเป็นแผนกที่สำคัญของยูบีเอส
ขณะนี้ ยูบีเอสกำลังพิจารณาว่าจะบริหารจัดการการควบรวมกิจการครั้งนี้ให้เป็นไปในทิศทางใด โดยไม่ให้กระทบต่อความแข็งแกร่งของธนาคาร ซึ่งนับเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ และเป็นปัจจัยสำคัญอย่างมากต่อความสำเร็จของสวิตเซอร์แลนด์