นักลงทุนยกระดับการป้องกันความเสี่ยงจากภาวะปั่นป่วนทางการเงินรอบใหม่ในหุ้นกลุ่มธนาคารระดับภูมิภาคของสหรัฐ ขณะที่กลุ่มธนาคารในสหรัฐเตรียมเปิดเผยว่า ผลประกอบการของตนเองนั้นได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) ล้มมากเพียงใด
ทั้งนี้ สำนักข่าวไฟแนนเชียลไทม์สรายงานว่า ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารระดับภูมิภาคของสหรัฐนั้นกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้งแล้ว นับตั้งแต่เหตุการณ์ SVB ล้มจุดชนวนให้เกิดแรงเทขายหุ้นขนานใหญ่เมื่อช่วงกลางเดือนมี.ค.
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากบลูมเบิร์กแสดงให้เห็นว่า นักลงทุนแห่เข้าซื้อออปชั่น (Option) ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มธนาคารขนาดกลางที่มีความผันผวนสูงสุดในปริมาณมากเป็นประวัติการณ์ โดยธนาคารบางแห่งที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภาวะผันผวนเมื่อไม่นานมานี้ เช่น ซิติเซนส์ ไฟแนนเชียล (Citizens Financial), ชาร์ลส์ ชวาบ (Charles Schwab) และเคย์แบงก์ (Keybank) ต่างพบว่า ความสนใจในการซื้อออปชั่นแตะระดับสูงเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ ธนาคารอีกมายมายพบว่า ความสนใจในการซื้อออปชั่นพุ่งสูงสุดในรอบหลายปี
การวิเคราะห์ของอาร์บีซี แคปิตอล มาร์เก็ตส์ (RBC Capital Markets) ระบุว่า ราคาของสัญญาออปชั่นบ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารบางแห่งจะเผชิญภาวะผันผวนเพิ่มขึ้นสามเท่าตัวจากระดับปกติ
ความสนใจในกลุ่มธนาคาร เช่น ซิติเซนส์ ไฟแนนเชียล และเคย์แบงก์ รวมถึง ชาร์ลส์ ชวาบ ซึ่งเป็นบริษัทการลงทุนที่มีใบอนุญาตทำธุรกิจธนาคาร สะท้อนถึงปัญหาที่ธนาคารขนาดกลางกำลังเผชิญ โดยธนาคารกลุ่มนี้มีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจสหรัฐมายาวนาน แต่กำลังเผชิญกับแนวโน้มการทำกำไรที่ลดน้อยลง การแห่ถอนเงินฝาก และการคุมเข้มด้านการกำกับดูแลกฎระเบียบ ซึ่งจะทดสอบความสามารถในการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ
ด้านนักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์เพิ่งตัดสินใจลดประมาณการผลประกอบการสำหรับกลุ่มธนาคารระดับภูมิภาค 20% ในปีนี้และเกือบ 30% ในปี 2567