กลุ่มธุรกิจร่วมลงทุน (Venture Capital : VC) จากซิลิคอน วัลเลย์แห่เดินทางไปยังตะวันออกกลาง เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับกลุ่มกองทุนด้านความมั่งคั่งแห่งชาติในภูมิภาค หลังเผชิญวิกฤตเงินทุนครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบเกือบหนึ่งทศวรรษ
ทั้งนี้ สำนักข่าวไฟแนนเชียลไทม์สรายงานโดยอ้างอิงข้อมูลจากแหล่งข่าวว่า กลุ่มธุรกิจร่วมลงทุนภาคเทคโนโลยีชั้นนำ เช่น อันดรีสเซ่น โฮโรวิตซ์ (Andreessen Horowitz), ไทเกอร์ โกลบอล (Tiger Global) และไอวีพี (IVP) ได้ส่งคณะผู้บริหารไปยังซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) และกาตาร์ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
การเดินทางเยือนตะวันออกกลางครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่กลุ่มผู้สนับสนุนจากอเมริกาเหนือและยุโรปเผชิญกับภาวะขาลงทางเศรษฐกิจ ซึ่งกดดันให้จำเป็นต้องจำกัดการลงทุนภาคเอกชน
ขณะเดียวกัน กลุ่มธุรกิจร่วมลงทุนได้รับการสนับสนุนให้หันไปพึ่งพาตะวันออกกลางแทน เนื่องจากรัฐบาลในกลุ่มประเทศอ่าวอาหรับและสมาชิกราชวงศ์รุ่นใหม่พยายามที่จะสร้างความหลากหลายทางเศรษฐกิจในประเทศ ด้วยการลงทุนในภาคเทคโนโลยีที่กำลังมาแรง เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) จากเดิมที่มุ่งเน้นไปยังภาคปิโตรเคมีเป็นหลัก
ความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดนี้ยังบ่งชี้ว่า บริษัทธุรกิจร่วมลงทุนบางแห่งลอบเปลี่ยนการตัดสินใจแบบเงียบ ๆ จากเดิมที่ปฏิเสธจัดการประชุมหรือรับเงินจากประเทศที่มีความขัดแย้งทางการเมือง เช่น ซาอุดีอาระเบีย
"เราเดินทางเยือนซานฟรานซิสโกเมื่อขอลงทุนกับบริษัทเทคโนโลยีในปี 2560 แต่ปัจจุบันทุกคนเป็นฝ่ายมาหาเรา การปรับฐานของภาคเทคโนโลยีทำให้ภาคดังกล่าวมีความอ่อนน้อมมากขึ้น" นายอิบราฮิม อาจามี หัวหน้าฝ่ายธุรกิจร่วมทุนของบริษัทมูบาดาลา แคปิตอล (Mubadala Capital) กล่าว โดยบริษัทดังกล่าวเป็นธุรกิจมูลค่า 6 พันล้านดอลลาร์ของกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติมูลค่า 7.9 แสนล้านดอลลาร์ของอาบูดาบี