โครงการเส้นทางสายไหมสมัยใหม่ หรือ โครงการ "หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง" (BRI) มูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ของจีนถูกโจมตีจากหนี้เสียที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยปริมาณหนี้ที่มีปัญหาอยู่ที่กว่า 7.8 หมื่นล้านดอลลาร์ตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ โครงการเส้นทางสายไหมสมัยใหม่ได้ทำให้จีนกลายเป็นเจ้าหนี้ระดับทวิภาคีรายใหญ่ที่สุดของโลก แต่ตัวเลขหนี้เสียบ่งชี้ว่า โครงการดังกล่าวได้กลายมาเป็นเรื่องหนักอกทางการเงินสำหรับจีนและกลุ่มธนาคารรายใหญ่ที่สุดของประเทศ
โรเดียม กรุ๊ป (Rhodium Group) บริษัทวิจัยในนิวยอร์กระบุว่า กลุ่มสถาบันจีนได้ดำเนินการเจรจาใหม่หรือตัดหนี้สูญเงินกู้ประมาณ 7.85 หมื่นล้านดอลลาร์ที่ได้ปล่อยกู้เพื่อใช้ในโครงการก่อสร้างถนน รถไฟ ท่าเรือ สนามบิน และโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ ทั่วโลกในระหว่างปี 2563 ถึงสิ้นเดือนมี.ค.ปีนี้
สำนักข่าวไฟแนนเชียลไทม์สรายงานว่า ตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าตัวเลขการเจรจาใหม่และการตัดหนี้สูญที่โรเดียมเคยบันทึกเอาไว้ที่ 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วง 3 ปีระหว่างปี 2560 ถึงสิ้นปี 2562 ถึงกว่า 4 เท่า
นายแบรด พาร์กส์ ผู้อำนวยการบริการของเอดดาต้า (AidData) ประจำมหาวิทยาลัยวิลเลียมและแมรีในสหรัฐระบุว่า จีนไม่ได้เปิดเผยตัวเลขรวมของการปล่อยสินเชื่อในโครงการ BRI ตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แต่เชื่อว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์