บริษัทเบด บาธ แอนด์ บียอนด์ (Bed Bath & Beyond) ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกเครื่องใช้ภายในบ้านรายใหญ่ของสหรัฐ ได้ตัดสินใจยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอพิทักษ์ทรัพย์ตามมาตรา 11 ของกฎหมายล้มละลายมื่อวันอาทิตย์อาทิตย์ที่ผ่านมา (23 เม.ย.) หลังจากประสบความล้มเหลวในการระดมเงินทุนเพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจได้ต่อไป
ก่อนหน้านี้ เบด บาธ แอนด์ บียอนด์ แถลงว่า ทางบริษัทกำลังสำรวจทางเลือกต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการยื่นล้มละลาย เพื่อแก้ปัญหายอดขายที่ทรุดตัว ภาวะขาดแคลนเงินสด และหนี้สินล้นพ้นตัว
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (21 เม.ย.) ราคาหุ้นเบด บาธ แอนด์ บียอนด์ ปิดตลาดที่ระดับ 29 เซนต์ และมูลค่าตลาดของบริษัทอยู่ที่ 136.9 ล้านดอลลาร์ ซึ่งทรุดตัวลงรุนแรงถึง 88% ในปีนี้
รายงานระบุว่า ร้านเบด บาธ แอนด์ บียอนด์ จำนวน 360 แห่ง และร้านบายบาย เบบี้ (Buybuy Baby) จำนวน 120 แห่งจะยังคงเปิดทำการในระหว่างที่บริษัทอยู่ในกระบวนยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์ อย่างไรก็ดี เบด บาธ แอนด์ บียอนด์ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายของรัฐนิวเจอร์ซีย์เพื่อขออนุญาตประมูลขายแบรนด์เบด บาธ แอนด์ บียอนด์ และบายบาย เบบี้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทางบริษัทได้ตัดสินใจปิดกิจการทั้งหมดภายใต้แบรนด์ฮาร์มอน เฟซแวลู (Harmon FaceValue)
เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 2565 ได้เกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง เมื่อนายกัสตาโว อาร์แนล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน (ซีเอฟโอ) ของเบด บาธ แอนด์ บียอนด์ เสียชีวิตจากการตกลงมาจากอาคารไทรเบกา หรือที่รู้จักกันในชื่อตึกเจนก้า
เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนของเมืองแมนฮัตตันเชื่อว่า นายอาร์แนลจงใจฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดลงมาจากอาคารไทรเบกา และมีการตั้งข้อสังเกตว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วัน หลังจากเบด บาธ แอนด์ บียอนด์ ประกาศปิดสาขาจำนวน 150 แห่ง และปลดพนักงานจำนวนมากเพื่อพลิกฟื้นธุรกิจที่กำลังประสบปัญหาด้านการเงิน