ทั้งนี้ นายวินเทอร์ส กล่าวว่า ปัญหาอื่น ๆ อาจย้อนกลับมาก่อให้เกิดวิกฤตในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง หลังจากที่ความไม่สมดุลในธนาคารบางแห่งเริ่มปรากฎออกมา
"ผมคิดว่าเราสามารถทิ้งวิกฤตไว้ข้างหลังเราได้ แต่ผมไม่คิดว่าเราจะสามารถทิ้งปัญหาไว้ข้างหลังได้" นายวินเทอร์ส กล่าวกับสำนักข่าวซีเอ็นบีซี การที่หน่วยงานกำกับดูแลกฎระเบียบเข้าแทรกแซงอย่างทันท่วงทีเมื่อเดือนที่แล้ว ช่วยป้องกันไม่ให้การล่มสลายของธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) และธนาคารเครดิต สวิส (Credit Suisse) บานปลายไปสู่วิกฤตธนาคารที่ใหญ่ขึ้น
อย่างไรก็ตาม นายวินเทอร์สเตือนว่า "สภาพแวดล้อมของเศรษฐกิจมหภาคที่แปรเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง เช่น การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วโดยมีเป้าหมายเพื่อความคุมอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นนั้น นับเป็นการซ้ำเติมธนาคารบางแห่งที่มีปัญหาอื่นอยู่แล้ว เพียงแค่ยังไม่ปรากฎออกมาเท่านั้น"
"กรณีดังกล่าวเผยให้เห็นจุดบกพร่องของโมเดลธุรกิจที่ซ่อนอยู่ หรือข้อบกพร่องที่รุนแรงกว่าที่ได้เคยคาดการณ์เอาไว้" นายวินเทอร์ส กล่าว
นายวินเทอร์สกล่าวต่อว่า "ยังมีความไม่สมดุลอื่น ๆ ที่ก่อตัวขึ้นในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นเวลานาน ซึ่งแม้ว่าความไม่สมดุลนี้ยังไม่ได้ก่อให้เกิดวิกฤตในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง แต่ก็เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องพยายามทำความเข้าใจ และคาดคะเนถึงการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต"