บิตคอยน์พุ่งจ่อแตะระดับ 30,000 ดอลลาร์ ทะลุ 1,000,000 บาทในวันนี้ โดยนักลงทุนพากันเข้าซื้อบิตคอยน์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตธนาคารในสหรัฐ
ณ เวลา 20.09 น.ตามเวลาไทย บิตคอยน์พุ่งขึ้น 8.22% สู่ระดับ 29,886.25 ดอลลาร์ หรือราว 1,020,000 บาทในการซื้อขายบนแพลตฟอร์ม Coinbase
นักลงทุนวิตกต่อสถานะการเงินของธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิก แบงก์ (First Republic Bank) หรือ FRB ซึ่งเป็นธนาคารในระดับภูมิภาคของสหรัฐ หลังธนาคารเปิดเผยว่าลูกค้าได้แห่ถอนเงินฝากมากกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาส 1/2566
ทั้งนี้ สถานะทางการเงินของ FRB ยังคงไม่ดีขึ้น แม้ว่ากลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ 11 แห่งของสหรัฐได้อัดฉีดเงินฝาก 3 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อพยุงสภาพคล่องของ FRB
นักวิเคราะห์จากสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ระบุว่า บิตคอยน์จะพุ่งแตะระดับ 100,000 ดอลลาร์ หรือราว 3,400,000 บาทภายในสิ้นปี 2567
"แม้ความไม่แน่นอนยังคงมีอยู่ แต่เรามองว่าหนทางที่บิตคอยน์จะไปสู่ระดับ 100,000 ดอลลาร์ได้เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ" นายเจฟ เคนดริค หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์สินทรัพย์ดิจิทัลของสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ระบุในรายงาน
นายเคนดริคระบุว่า บิตคอยน์ได้รับปัจจัยหนุนจากวิกฤตธนาคารที่เกิดขึ้น, อัตราการทำกำไรที่ดีขึ้นของการทำเหมืองคริปโทฯ รวมทั้งการมีเสถียรภาพของสินทรัพย์เสี่ยง ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นอกจากนี้ รายงานระบุว่า Crypto Winter หรือช่วงเวลาที่ซบเซาของสินทรัพย์คริปโทฯได้สิ้นสุดลงแล้ว
ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์หลายรายได้คาดการณ์การพุ่งขึ้นของราคาบิตคอยน์เช่นกัน โดยซิตี้กรุ๊ปคาดการณ์ในเดือนพ.ย.2563 ว่า บิตคอยน์จะพุ่งแตะ 318,000 ดอลลาร์ภายในสิ้นปี 2565 อย่างไรก็ดี บิตคอยน์ปิดตลาดในปีที่แล้วทรุดตัวลง 65% อยู่ที่ระดับ 16,500 ดอลลาร์
บิตคอยน์เป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดในโลกในไตรมาส 1/2566 โดยพุ่งขึ้นถึง 70% ซึ่งเป็นการทะยานขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 1/2564 โดยในไตรมาสดังกล่าวบิตคอยน์ดีดตัวขึ้นถึง 103%
บิตคอยน์เคยพุ่งขึ้นทะลุ 69,000 ดอลลาร์ในเดือนพ.ย.2564 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ก่อนที่จะทรุดตัวลงต่ำกว่าระดับ 20,000 ดอลลาร์ในเดือนมิ.ย.2565 ท่ามกลางความกังวลที่ว่า การที่เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและปรับลดขนาดงบดุลจะฉุดสภาพคล่องในตลาด และทำให้สหรัฐเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ทั้งนี้ บิตคอยน์เป็นสินทรัพย์ที่ปรับตัวอย่างผันผวน โดยได้ทะยานขึ้นมากกว่า 1,000% ในปี 2560 ก่อนที่จะดิ่งลง 74% ในปี 2561 และกลับมาปรับตัวขึ้นในปี 2562-2564 แต่ก็ร่วงลง 64% ในปี 2565 ท่ามกลางข่าวอื้อฉาวและการล้มละลายในอุตสาหกรรมคริปโทฯ