ราคาน้ำมันทรุดตัวลงกลับมาใกล้ระดับ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลอีกครั้ง ซึ่งเกือบแตะระดับเดียวกับในช่วงต้นเดือนเม.ย. ก่อนที่โอเปกพลัสจะประกาศปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลงอีก 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวันจนถึงสิ้นปี
การที่โอเปกพลัสประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันครั้งนี้ได้กระตุ้นให้นักวิเคราะห์บางรายออกมาเตือนว่า ราคาน้ำมันอาจจะพุ่งขึ้นสู่ระดับตัวเลขหลักร้อย โดยโกลด์แมน แซคส์ได้ปรับคาดการณ์ราคาสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) สำหรับเดือนธ.ค. 2566 เพิ่มขึ้น 5 ดอลลาร์ สู่ระดับ 95 ดอลลาร์/บาร์เรล
ปัจจุบัน เหล่านักวิเคราะห์ต่างชี้ว่า ความวุ่นวายด้านการเงินที่เกิดขึ้นเป็นวงกว้าง เป็นตัวขัดขวางแนวโน้มดังกล่าวไว้จนถึงตอนนี้ เนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ ด้านอุปสงค์-อุปทานยังคงถูกกดดันจากความกังวลที่มีต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย
นักวิเคราะห์ของธนาคารบาร์เคลย์สระบุในถ้อยแถลงเมื่อวันพุธ (26 เม.ย.) ว่า "ปัจจัยหนุนตลาดน้ำมันจากการประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันของโอเปกในเดือนนี้เริ่มเจือจางลงแล้ว ดังนั้นเราคิดว่าราคาน้ำมันที่ปรับลดลงนี้สะท้อนถึงมุมมองเชิงลบเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจมหภาค เพราะจนถึงขณะนี้แทบไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่าอุปสงค์น้ำมันอ่อนแอลง"
ด้านนางเฮลิมา ครอฟต์ กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ระดับโลกของบริษัทอาร์บีซี แคปิตอล มาร์เก็ตส์ (RBC Capital Markets) กล่าวกับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีในรายการ "Squawk Box" เมื่อวันพุธว่า "ตอนนี้เรามีปัจจัยหลายประการ เช่น การปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันหลายต่อหลายครั้งของกลุ่มโอเปกพลัส ดีมานด์ที่แข็งแกร่งในอินเดีย และการเปิดพรมแดนอีกครั้งของจีน ปัจจัยเหล่านี้มากพอแล้วที่จะดันราคาให้สูงขึ้น ผู้คนยังคงมีความหวังว่าสถานการณ์จะดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ แต่คำถามก็คือ เราจะสามารถก้าวข้ามกำแพงความวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจมหภาคได้หรือไม่"