นายลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์กล่าวในวันนี้ว่า แม้เศรษฐกิจของสิงคโปร์คาดว่าจะชะลอตัวลงในปีนี้ แต่ประเทศ "น่าจะหลีกเลี่ยงภาวะหดตัวโดยสิ้นเชิงได้"
นายลีกล่าวในวันแรงงานประจำปีโดยแสดงความหวังว่า อัตราเงินเฟ้อจะลดลงในช่วงครึ่งหลังของปี และตัวเลขการลดทอนรายจ่ายนั้น "ยังคงสามารถจัดการได้"
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ผลการดำเนินงานทางเศรษฐกิจของสิงคโปร์มักถูกมองว่าเป็นตัวบ่งชี้สภาพแวดล้อมของโลกเนื่องจากสิงคโปร์มีการพึ่งพาการค้ากับประเทศอื่น ๆ ในฐานะศูนย์กลางทางการเงิน สิงคโปร์ยังมีท่าเรือที่พลุกพล่านที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งทำหน้าที่เป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญระหว่างเอเชียกับประเทศอื่น ๆ ของโลก
อย่างไรก็ตาม นายลีเตือนว่าสภาพแวดล้อมภายนอกยังคงผันผวนและเต็มไปด้วยความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่รุนแรง โดยชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในชาติตะวันตก เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อพยายามควบคุมอัตราเงินเฟ้อ
"ระบบการค้าพหุภาคีกำลังถูกทำลายลงอย่างต่อเนื่องจากความรู้สึกชาตินิยมและลัทธิกีดกันทางการค้าที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อการค้าและความร่วมมือระหว่างประเทศ" นายลีกล่าว
หลังจากเติบโต 8.9% ในปี 2564 GDP ของสิงคโปร์ก็ขยายตัวเพียง 3.6% ในปี 2565 โดยธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) คาดการณ์ว่า GDP จะเติบโตระหว่าง 0.5-2.5% ในปีนี้
นายลีเน้นย้ำถึงความจำเป็นของสิงคโปร์ในการปรับตัวให้เข้ากับเศรษฐกิจที่ถูกดิสรัปโดยอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีเกิดใหม่
"ความอยู่รอดของสิงคโปร์ขึ้นอยู่กับเราที่ต้องเปิดกว้างและทำธุรกิจกับโลก" นายลีกล่าว พร้อมเสริมว่าจำเป็นต้อง "เปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมของเราอย่างต่อเนื่อง เพิ่มขีดความสามารถที่มีอยู่ และสร้างสิ่งใหม่ ๆ เมื่อเราก้าวเข้าสู่ตลาดที่กำลังเติบโต"