สตาร์บัคส์ (Starbucks) เปิดเผยเมื่อวานนี้ (2 พ.ค.) ว่า ผลกำไรและรายได้ไตรมาสสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยได้รับแรงหนุนจากยอดขายในระดับนานาชาติที่ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้
ยอดขายสตาร์บัคส์ในจีน ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของบริษัท มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปีงบประมาณ 2564 เนื่องจากลูกค้าเริ่มกลับมายังร้านกาแฟอีกครั้ง หลังจีนยกเลิกมาตรการคุมเข้มตามนโยบายโควิดเป็นศูนย์
อย่างไรก็ตาม หุ้นของสตาร์บัคส์ปรับตัวลดลง 5.6% หลังฝ่ายบริหารของบริษัทได้ยืนยันแนวโน้มภาพรวมตลอดทั้งปีงบประมาณ
ทั้งนี้ สตาร์บัคส์มีรายได้สุทธิในไตรมาส 2 ของปีงบประมาณอยู่ที่ 908.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 79 เซนต์ต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจาก 674.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 58 เซนต์ต่อหุ้นจากปีก่อนหน้า
ส่วนยอดขายสุทธิเพิ่มขึ้น 14.2% สู่ระดับ 8.72 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ยอดขายในร้านเดียวกันเพิ่มขึ้น 11% ในไตรมาสนี้ แซงหน้าคาดการณ์ของสตรีทแอคเคาท์ (StreetAccount) ซึ่งคาดไว้ที่ 7.1% โดยสตาร์บัคส์ทั้งในตลาดสหรัฐและตลาดนานาชาติสามารถทำผลงานได้ดีกว่าที่คาดไว้
ยอดขายในร้านเดียวกันในสหรัฐปรับตัวขึ้น 12% จากจำนวนคนเข้าร้านที่เพิ่มขึ้น 6% ส่วนยอดขายในร้านเดียวกันนอกสหรัฐเพิ่มขึ้น 7% ขณะที่บริษัทร้านอาหารบางแห่ง เช่น บลูมมิน แบรนส์ (Bloomin? Brands) ซึ่งเป็นเจ้าของร้านเอาท์แบค สเต็กเฮาส์ (Outback Steakhouse) ระบุว่า จำนวนคนเข้าร้านลดลง เนื่องจากลูกค้าเริ่มรับประทานอาหารนอกบ้านน้อยลง ทำให้สตาร์บัคส์กลายเป็นธุรกิจร้านอาหารอีกหนึ่งแห่งต่อจากแมคโดนัลด์ (McDonald?s) และชิโปเล่ เม็กซิกัน กริลล์ (Chipotle Mexican Grill) ที่มีจำนวนลูกค้าเข้าร้านเพิ่มขึ้น
ด้านสตาร์บัคส์ในจีนมียอดขายในร้านเดียวกันเพิ่มขึ้น 3% โดยนางเบลินดา หว่อง ประธานสตาร์บัคส์จีนระบุว่า สตาร์บัคส์จีนมียอดขายในร้านเดียวกันเพิ่มขึ้น 30% ในเดือนมี.ค. และแนวโน้มดังกล่าวยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องจนเข้าสู่ไตรมาสที่ 3 ของปีงบประมาณ