ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐเปิดเผยว่า เขาอาจจะยกเลิกการเดินทางไปเข้าร่วมประชุมสุดยอดกลุ่ม G7 ที่ประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งยกเลิกการเดินทางเยือนออสเตรเลีย และปาปัวนิวกินี หากจำเป็น โดยเขาต้องการที่จะอยู่ในกรุงวอชิงตันเพื่อเจรจาเรื่องการเพิ่มเพดานหนี้
"ผมยังคงมีความตั้งใจที่จะเดินทางไปต่างประเทศ แต่นี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด เนื่องจากเราอยู่ในวาระที่ต้องผลักดันการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐ" ปธน.ไบเดนกล่าวกับผู้สื่อข่าว หลังจากการประชุมร่วมกับแกนนำสภาคองเกรส
ปธน.ไบเดนได้ประชุมร่วมกับนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ และเจ้าหน้าที่รายอื่น ๆ ของสภาคองเกรสที่ทำเนียบขาวเมื่อวันอังคาร (9 พ.ค.) เพื่อหารือกันเกี่ยวกับการปรับเพิ่มเพดานหนี้ แต่ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ และจะกลับมาเจรจาร่วมกันอีกครั้งในวันศุกร์นี้ (12 พ.ค.) ขณะที่เหลือเวลาอีกเพียง 3 สัปดาห์ก่อนที่รัฐบาลสหรัฐอาจจะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ครั้งประวัติศาสตร์
ทั้งนี้ ปธน.ไบเดนกล่าวว่า หากการเจรจาเรื่องการเพิ่มเพดานหนี้ยังคงไร้ทิศทาง เขาก็จะอยู่ในวอชิงตันจนกว่าปัญหาเรื่องเพดานหนี้ได้รับการแก้ไข
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ปธน.ไบเดนมีกำหนดเดินทางไปยังเมืองฮิโรชิมาของญี่ปุ่น เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม G7 ในวันที่ 19-21 พ.ค. โดยคาดว่าที่ประชุมจะหารือกันเกี่ยวกับสงครามในยูเครน รวมทั้งความมั่นคงของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
หลังจากนั้น ปธน.ไบเดนมีแผนที่จะเดินทางไปยังปาปัวนิวกินี เพื่อเข้าร่วมประชุมกับบรรดาผู้นำประเทศในหมู่เกาะแปซิฟิก และจากนั้นจะเดินทางไปยังออสเตรเลียเพื่อร่วมประชุมกับผู้นำกลุ่ม Quard ซึ่งได้แก่นายฟูมิโอ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น, นายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย และนายแอนโทนี อัลบาเนซี นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย โดยหลังจากเสร็จสิ้นการประชุม Quard แล้ว ปธน.ไบเดนมีกำหนดเดินทางกลับกรุงวอชิงตัน
นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐเตือนว่า สหรัฐอาจจะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ภายในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ ซึ่งเร็วกว่าที่นักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้ โดยโกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ล่าสุดว่ารัฐบาลสหรัฐจะผิดนัดชำระหนี้ในช่วงปลายเดือนก.ค.
ทั้งนี้ เพดานหนี้คือจำนวนเงินทั้งหมดที่รัฐบาลสหรัฐได้รับอนุญาตให้ทำการกู้ยืมเพื่อให้รัฐบาลสามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสวัสดิการด้านประกันสังคมและด้านสุขภาพ, ดอกเบี้ยตราสารหนี้ของรัฐบาล และการใช้จ่ายอื่น ๆ