สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 12 ในการประชุมวันพฤหัสบดีนี้ (11 พ.ค.) เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังคงร้อนแรง แต่อาจขยับเข้าใกล้การยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว
รายงานระบุว่า เศรษฐกิจของอังกฤษนั้นดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ในปีนี้ แม้ว่า GDP จะแทบไม่กระเตื้องในเดือนก.พ. เนื่องจากการประท้วงนัดหยุดงานเป็นวงกว้างและผลกระทบจากวิกฤตค่าครองชีพขัดขวางกิจกรรมเศรษฐกิจก็ตาม ขณะที่ตลาดแรงงานยังคงมีความยืดหยุ่น
ในเดือนมี.ค. อัตราเงินเฟ้อทั่วไปรายปียังคงสูงกว่า 10% โดยได้แรงหนุนจากค่าอาหารและพลังงานที่สูงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังคงทรงตัว ซึ่งเน้นย้ำถึงความเสี่ยงที่อัตราเงินเฟ้อจะสูงต่อไปอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางอังกฤษคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วตั้งแต่กลางปี 2566 จนแตะประมาณ 4% ภายในสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ ตลาดคาดการณ์อย่างเกือบเป็นเอกฉันท์ว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (MPC) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในวันพฤหัสบดีนี้ โดยนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าจะมีการลงมติด้วยคะแนนเสียง 7 ต่อ 2 ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยธนาคารจาก 4.25% เป็น 4.5% อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์นอกเหนือไปจากประเด็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้นเริ่มมีความไม่สอดคล้องกัน
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% แต่งดเว้นการเอ่ยถึงสิ่งที่ตลาดตีความว่าเป็นสัญญาณเบื้องต้นว่าวงจรการปรับขึ้นดอกเบี้ยกำลังจะยุติลง
ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ชะลอวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยเลือกปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ซึ่งทำให้อัตราดอกเบี้ยแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2551 แต่แย้งว่า "แนวโน้มเงินเฟ้อยังคงสูงเกินมากไปและเป็นเวลานานเกินไป"