สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานในวันนี้ (10 พ.ค.) ว่า ไอร์แลนด์อยู่ในระหว่างพิจารณาเรื่องการนำรายได้จากภาษีเงินได้นิติบุคคลบางส่วนที่ได้รับจากบริษัทข้ามชาติที่ตั้งอยู่ในประเทศ เข้าสู่กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติที่จัดตั้งขึ้นใหม่
รายงานระบุว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นความพยายามที่จะสะสมเงินของภาครัฐในอนาคต ซึ่งรายได้ต่อปีอาจไม่แน่นอนเมื่อเทียบกับปัจจุบัน
นายไมเคิล แมคกราธ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังไอร์แลนด์ จะยื่นร่างข้อเสนอดังกล่าวไปยังรัฐสภาในวันนี้ โดยนายแมคกราธระบุถึงประโยชน์ของการจัดตั้งเครื่องมือการเก็บออมใหม่ระยะยาว ซึ่งจะสร้างรายได้เป็นจำนวนมากให้กับภาครัฐ
รายงานก่อนหน้านี้ชี้ว่า กองทุนใหม่ดังกล่าวจะถูกนำไปใช้เพื่อชำระหนี้ รวมทั้งใช้เป็นเงินบำนาญ และค่าใช้จ่ายด้านการดูแลสุขภาพ
ทั้งนี้ รายได้จากภาษีเงินได้นิติบุคคลของไอร์แลนด์พุ่งสูงขึ้นตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมา และทำสถิติสูงที่สุดนับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบเป็นรายปี ในปี 2564 และเพิ่มขึ้นอีก 48% ในปี 2565 แตะระดับสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 2.26 หมื่นล้านยูโร (2.48 หมื่นล้านดอลลาร์)
เม็ดเงินดังกล่าวมาจากบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ เช่น อัลฟาเบท (Alphabet) เมตา (Meta) อินเทล (Intel) ลิงค์อิน (LinkedIn) และอะเมซอน (Amazon) นอกจากนี้ยังมาจากบริษัทอื่น ๆ อย่าง ไฟเซอร์ (Pfizer) และ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (Johnson & Johnson)