นางเจนนิเฟอร์ แกรนโฮล์ม รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานจะซื้อน้ำมันดิบในปริมาณ 3 ล้านบาร์เรลเพื่อเติมเต็มคลังสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐ (SPR) ในเดือนส.ค.นี้
นางแกรนโฮล์มได้ส่งสัญญาณให้สภาคองเกรสรับทราบตั้งแต่เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วว่า กระทรวงพลังงานจะเริ่มซื้อน้ำมันดิบเพื่อเติมเต็มคลัง SPR ในเร็ว ๆ นี้ หลังจากที่กระทรวงได้ระบายน้ำมันในคลังดังกล่าวออกมาจำหน่ายในปี 2565 ในช่วงที่ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง ซึ่งการระบายน้ำมันในครั้งนั้นส่งผลให้ปริมาณน้ำมันในคลัง SPR ลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2526
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้สั่งระบายน้ำมันในคลัง SPR ออกมาจำหน่ายในปริมาณ 180 ล้านบาร์เรลในปี 2565 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การสร้างเสถียรภาพตลาดน้ำมัน และสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันซึ่งเป็นผลกระทบจากการที่รัสเซียส่งกำลังทหารเข้าทำสงครามในยูเครน
การระบายน้ำมันออกจำหน่ายในครั้งนั้นส่งผลให้ปริมาณน้ำมันในคลัง SPR ลดลงสู่ระดับ 372 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2526 และอยู่ต่ำกว่าอัตราการใช้น้ำมันของสหรัฐในระยะเวลา 20 วัน โดยการดำเนินการดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจให้กับพรรครีพับลิกันซึ่งกล่าวหาว่าคณะบริหารของปธน.ไบเดนปล่อยให้สหรัฐเผชิญกับภาวะอุปทานน้ำมันที่ต่ำเกินไปในการรับมือกับวิกฤตพลังงานในอนาคต
คณะบริหารของปธน.ไบเดนกล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐจะเริ่มซื้อน้ำมันกลับสู่คลัง SPR เมื่อราคาน้ำมันเคลื่อนไหวที่ระดับ 67-72 ดอลลาร์/บาร์เรลหรือต่ำกว่า ซึ่งเป็นระดับต่ำกว่าราคาที่รัฐบาลขายออกไป ซึ่งจะทำให้ประชาชนผู้เสียภาษีได้รับประโยชน์บางส่วน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้น 1.07 ดอลลาร์ หรือ 1.5% แตะที่ระดับ 71.11 ดอลลาร์/บาร์เรลในวันจันทร์ (15 พ.ค.)