Bank Syariah Indonesia (BSI) ซึ่งเป็นธนาคารอิสลามขนาดใหญ่ที่สุดของอินโดนีเซีย แถลงว่า ทางธนาคารกำลังให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เพื่อปรับปรุงระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ หลังมีรายงานว่า ข้อมูลของลูกค้าจำนวน 15 ล้านรายได้รั่วไหลออกไป หลังแฮกเกอร์ลักลอบเจาะระบบธนาคาร
Teguh Aprianto ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในระบบไซเบอร์ รวมทั้ง DarkTracer ซึ่งเป็นบริษัทรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ เปิดเผยว่า แฮกเกอร์ที่ใช้ชื่อว่า LockBit 3.0 ได้อ้างความรับผิดชอบต่อการโจมตีในครั้งนี้ โดยได้เจาะระบบข้อมูลของ BSI ในวันที่ 8 พ.ค. ก่อนที่จะทำการเผยแพร่ข้อมูลของลูกค้าผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งเป็นข้อมูลส่วนตัวเกี่ยวกับหมายเลขบัญชีธนาคาร ยอดเงินคงเหลือในบัญชี และประวัติการทำธุรกรรมทางธนาคาร
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การรั่วไหลของข้อมูลในครั้งนี้ ถือว่ามีความรุนแรงมากที่สุดสำหรับสถาบันการเงินของอินโดนีเซีย และเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังมีรายงานการรั่วไหลของข้อมูลในบริษัทเอกชนและหน่วยงานภาครัฐของอินโดนีเซียในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ BSI ซึ่งเป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่ติด 1 ใน 10 ของอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า การให้บริการทางการเงินของทางธนาคารได้ประสบปัญหาขัดข้องในวันที่ 8 พ.ค. เนื่องจากระบบถูก "แทรกแซง" ก่อนที่จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ในวันที่ 9 พ.ค.