"เราจะร่วมมือกัน เพราะไม่มีทางเลือกอื่น โดยแกนนำของสภาคองเกรสต่างตกลงกันว่า สหรัฐจะไม่ผิดนัดชำระหนี้" ปธน.ไบเดนกล่าวที่ทำเนียบขาว
-- สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้นเพียง 2.5 ล้านบาร์เรล
EIA ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 2 ล้านบาร์เรล
-- ญี่ปุ่นประกาศยกระดับคุมเข้มความปลอดภัยเพื่อรับมือการประชุมสุดยอดของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำทั้ง 7 หรือ G7 ในสัปดาห์นี้ โดยคาดว่าบรรดาผู้นำของ G7 จะเดินทางถึงเมืองฮิโรชิมาในวันพรุ่งนี้ ก่อนที่การประชุมจะเริ่มขึ้นในวันศุกร์นี้
ทั้งนี้ ทางการญี่ปุ่นจะใช้กำลังตำรวจราว 24,000 นายเข้ารักษาความปลอดภัยในการประชุมดังกล่าว และจะมีการปิดถนนเป็นการชั่วคราวตั้งแต่วันพรุ่งนี้จนถึงวันจันทร์หน้าเพื่ออำนวยความสะดวกและความปลอดภัยสำหรับการเดินทางของบรรดาผู้นำ G7
-- สำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐ (USGS) รายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 6.4 แมกนิจูดที่กัวเตมาลา และมีแรงสั่นสะเทือนเป็นวงกว้างถึงพื้นที่ตอนใต้ของเม็กซิโก โดยแผ่นดินไหวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 06.02 น.ตามเวลาไทยในวันนี้ (18 พ.ค.) โดยมีความลึกที่ระดับ 252 กิโลเมตร และมีศูนย์กลางอยู่ห่างจากพื้นที่ตอนใต้ของเมืองคานิลลาในกัวเตมาลาประมาณ 2 กิโลเมตร
สำนักงานป้องกันภัยพิบัติทางธรรมชาติของกัวเตมาลาระบุว่า ขณะนี้ยังไม่มีรายงานความเสียหาย ขณะที่สำนักงานป้องกันพลเรือนของรัฐเชียปัส ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเม็กซิโกระบุว่ายังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อทรัพย์สิน
-- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.9% ในไตรมาส 2/2566 หลังจากขยายตัว 1.1% ในไตรมาส 1 สำหรับในปี 2565 เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 1.6% ในไตรมาส 1 และ 0.6% ในไตรมาส 2 ทำให้สหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค ก่อนที่มีการขยายตัว 3.2% และ 2.6% ในไตรมาส 3 และ 4 ตามลำดับ ทั้งนี้เมื่อพิจารณาตลอดทั้งปี 2565 เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.1% หลังจากพุ่งแตะระดับ 5.9% ในปี 2564
-- กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดส่งออกเดือนเม.ย.ขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี เนื่องจากการส่งออกไปยังประเทศจีนลดลง ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ในระบบเศรษฐกิจทั่วโลกที่อ่อนแรงลง
ทั้งนี้ ยอดส่งออกเดือนเม.ย.ปรับตัวขึ้น 2.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนมี.ค.ที่มีการขยายตัว 4.3% และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของรอยเตอร์คาดไว้ว่าอาจเพิ่มขึ้น 3.0% นอกจากนี้ ยอดส่งออกเดือนเม.ย.ยังขยายตัวในอัตราต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2564
-- ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่เปิดเผยในวันนี้ ญี่ปุ่นเปิดเผยยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนเม.ย., ออสเตรเลียเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนเม.ย. และสหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนพ.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ยอดขายบ้านมือสองเดือนเม.ย. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนเม.ย.จาก Conference Board