สถาบันการเงินระหว่างประเทศ (IIF) เปิดเผยรายงานล่าสุดว่า หนี้สินทั่วโลกเพิ่มขึ้น 8.3 ล้านล้านดอลลาร์ในไตรมาส 1 ปีนี้ ใกล้แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 305 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจากเศรษฐกิจทั่วโลกเผชิญกับวิกฤตการณ์ของการปรับตัวครั้งใหญ่ (crisis of adaptation) ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ธนาคารทั่วโลกดำเนินนโยบายคุมเข้มด้านการเงินอย่างรวดเร็ว
IIF เปิดเผยรายงานรายไตรมาสที่ชื่อว่า "Global Debt Monitor" โดยระบุว่า หนี้สินที่อยู่ในระดับสูง ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้นนั้น ได้ส่งผลให้ต้นทุนในการชำระหนี้เพิ่มขึ้น และก่อให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับภาวะหนี้สินในระบบการเงิน
ทั้งนี้ ธนาคารกลางทั่วโลกได้พากันปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นระยะเวลานานกว่า 1 ปีแล้วเพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง โดยล่าสุดธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% เมื่อช่วงต้นเดือนพ.ค. สู่ระดับ 5-5.25% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2550
"นโยบายการเงินที่อยู่ในระดับคุมเข้มมากที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินโลกในปี 2551-2552 นั้น ส่งผลให้เกิดภาวะตึงตัวด้านสินเชื่อ ซึ่งจะนำไปสู่การผิดนัดชำระหนี้อัตราดอกเบี้ย และผลที่ตามมาคือการเกิดบริษัท "ซอมบี้" เป็นจำนวนมาก โดยคาดว่าบริษัทในลักษณะนี้มีอยู่ประมาณ 14% ของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ" IIF ระบุในรายงาน
ทั้งนี้ บริษัทซอมบี้ (zombie) หรือบริษัทผีดิบ ถือเป็นปรากฏการณ์ทางธุรกิจอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นได้เมื่อธุรกิจเกิดภาวะหนี้สินล้นพ้นตัว หรือเป็นบริษัทที่ไม่มีความสามารถในการทำกำไรทั้งในปัจจุบันและอนาคตมากเพียงพอที่จะชำระหนี้สินที่บริษัทมีได้อีกเป็นเวลานาน
IIF ระบุว่า ตัวเลขหนี้สินทั่วโลกพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในไตรมาส 1 ปีนี้ และเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 2 ไตรมาส โดยตัวเลขหนี้สินใกล้แตะระดับ 305 ล้านล้านดอลลาร์ และอยู่สูงกว่าระดับก่อนเกิดโรคระบาดประมาณ 45 ล้านล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ คาดว่าตัวเลขหนี้สินจะยังคงปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
"อย่างไรก็ดี แม้มีความกังวลเกี่ยวกับภาวะสินเชื่อตึงตัวหลังจากเกิดวิกฤตการณ์ในภาคธนาคารของสหรัฐและสวิตเซอร์แลนด์เมื่อไม่นานมานี้ ความจำเป็นในการกู้ยืมของรัฐบาลยังคงเพิ่มขึ้น" IIF ระบุ
รายงานของ IIF ระบุว่า หนี้สินโดยรวมในประเทศกลุ่มตลาดเกิดใหม่พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ที่กว่า 100 ล้านล้านดอลลาร์ในไตรมาส 1 หรือคิดเป็นอัตราส่วนสูงถึง 250% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 75 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2562 โดยหนี้สินเพิ่มขึ้นมากที่สุดในจีน เม็กซิโก บราซิล อินเดีย และตุรกี
ส่วนในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ญี่ปุ่น สหรัฐ ฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักร มีหนี้สินเพิ่มขึ้นมากที่สุดในไตรมาส 1