สมาคมผู้ผลิตยานยนต์จีน (CAAM) เปิดเผยว่า จีนแซงญี่ปุ่นขึ้นมาเป็นผู้ส่งออกรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในโลกในไตรมาส 1/2566 ซึ่งตรงกับเดือนม.ค. - มี.ค. โดยได้รับแรงหนุนจากดีมานด์รถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ และการส่งออกรถยนต์จากจีนไปรัสเซียเพิ่มสูงขึ้น
CAAM ระบุว่า ยอดส่งออกรถยนต์จีนในเดือนม.ค. - มี.ค. ดีดตัวขึ้น 58% จากเมื่อปีก่อนสู่ระดับ 1.07 ล้านคัน
สมาคมผู้ผลิตยานยนต์ญี่ปุ่นระบุว่า ยอดส่งออกรถยนต์ของญี่ปุ่นในไตรมาส 1/2566 อยู่ที่ 950,000 คัน เพิ่มขึ้น 6% จากเมื่อปีก่อน
ทั้งนี้ ยอดส่งออกรถยนต์จีนยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในไตรมาสปัจจุบัน โดยกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์นั่งส่วนบุคคลคาดการณ์ว่า ยอดส่งออกจะปรับตัวขึ้น 30% ตลอดทั้งปีนี้สู่ระดับ 4 ล้านคัน
ในปี 2552 จีนเบียดแซงสหรัฐขึ้นมาเป็นตลาดรถยนต์ใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยรัฐบาลจีนได้ช่วยผลักดันการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศโดยเสนอมาตรการจูงใจด้านการซื้อและภาษี รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการชาร์จพลังงานเพื่อให้รถยนต์ไฟฟ้ากลายเป็นยานพาหนะกระแสหลัก
การเปลี่ยนแปลงไปใช้พลังงานไฟฟ้าได้กระตุ้นให้จีนผงาดขึ้นมาเป็นมหาอำนาจในการส่งออกรถยนต์ โดยการส่งออกรถยนต์พลังงานใหม่ในไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งรวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าพุ่งทะยานขึ้น 93% เมื่อเทียบรายปีสู่ระดับ 380,000 คัน โดยรถยนต์พลังงานใหม่มีสัดส่วนในการส่งออกอยู่ที่ราว 40% ของยอดส่งออกรถยนต์ทั้งหมดของจีน
เมื่อพิจารณาเป็นรายบริษัท ข้อมูลจากสื่อจีนระบุว่า เทสลาสาขาจีนเป็นผู้ส่งออกรถยนต์พลังงานใหม่อันดับ 1 โดยมียอดส่งออกอยู่ที่ 90,000 คัน ตามมาด้วยรถยนต์นั่งส่วนบุคคลของเอสเอไอซี มอเตอร์ที่ 50,000 คัน และบีวายดีที่ 30,000 คัน
เบลเยียม ออสเตรเลีย และไทย เป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของรถยนต์พลังงานใหม่ที่ผลิตในจีน โดยการที่ไทยรั้งอยู่ในอันดับ 3 แสดงให้เห็นว่า ผู้ผลิตรถยนต์จีนกำลังใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพื่อสร้างส่วนแบ่งทางการตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งญี่ปุ่นครอบครองมาอย่างยาวนาน