บรรดาผู้เชี่ยวชาญคาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะยังคงชะลอตัวในไตรมาสปัจจุบัน และอาจหดตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เนื่องจากคาดว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนทางธุรกิจอาจลดน้อยลง
สำนักข่าวบลูมเบิร์กเปิดเผยผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์ 70 รายคาดว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) จะเพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อเทียบเป็นรายปีในไตรมาส 2/2566 ซึ่งดีกว่าที่คาดไว้เมื่อเดือนที่แล้วที่ 0.2% ซึ่งสะท้อนถึงการใช้จ่ายภาคครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น 1% แต่ก็ยังคงเป็นระดับที่อ่อนแอ และต่ำกว่าระดับในไตรมาสแรก
นักเศรษฐศาสตร์ 41 รายคาดว่า โอกาสที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีหน้าทรงตัวอยู่ที่ 65% และคาดว่าดัชนีราคาจะปรับตัวขึ้น รวมถึงการลงทุนภาคเอกชนจะลดลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้มากกว่าการคาดการณ์ครั้งก่อน
ลุค ทิลลีย์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของวิลมิงตัน ทรัสต์ คอร์ปกล่าวว่า "ขณะที่บริษัทต่าง ๆ เผชิญกับต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นและภาวะสินเชื่อที่จำกัดในปี 2566 นั้น เราคาดว่า การปรับลดการใช้จ่ายด้านการลงทุนและการปรับลดพนักงานจะส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยแบบไม่รุนแรงในที่สุดในช่วงครึ่งหลังของปีนี้"
ทั้งนี้ ผลสำรวจดังกล่าวซึ่งจัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 12-17 พ.ค.บ่งชี้ว่า บรรดานักเศรษฐศาสตร์คาดว่าเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไปจนถึงสิ้นปีนี้ก่อนปรับลดลงในไตรมาสแรกของปี 2567