นักวิเคราะห์บางส่วนในวอลล์สตรีทมีความกังวลมากขึ้นว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐอาจได้รับผลกระทบจากภาวะชะงักงันของการเจรจาปรับเพิ่มเพดานหนี้
การประชุมครั้งล่าสุดระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ และนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ซึ่งเสร็จสิ้นลงแล้วในช่วงเช้าวันนี้ (23 พ.ค.) ตามเวลาไทยนั้น การเจรจาเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ แต่ทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ ขณะที่นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐเตือนว่า สหรัฐมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้อย่างเร็วที่สุดในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ หากสภาคองเกรสไม่อนุมัติการขยายเพดานหนี้
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้นกว่า 9% ในปีนี้และเคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2565 แต่ในขณะนี้นักลงทุนในตลาดหุ้นมีความวิตกกังวล เนื่องจากสหรัฐใกล้จะถึงเส้นตายในการผิดนัดชำระหนี้ครั้งประวัติศาสตร์ แม้ว่านักลงทุนส่วนหนึ่งมีความมั่นใจว่าท้ายที่สุดแล้วทำเนียบขาวและสภาคองเกรสจะสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ก็ตาม
เมื่อพิจารณาถึงปัจจัยที่อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในขณะนี้อยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี นักวิเคราะห์บางรายเตือนว่าตลาดหุ้นสหรัฐอาจจะเผชิญกับความผันผวนอย่างหนักก่อนที่จะถึงกำหนดเส้นตายการผิดนัดชำระหนี้ในวันที่ 1 มิ.ย. หรือ "X-date" ซึ่งเป็นวันที่รัฐบาลกลางสหรัฐไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามพันธกรณีทางกฎหมาย
แมทธิว มิสกิน นักวิเคราะห์จากบริษัท John Hancock Investment Management กล่าวว่า "ในสัปดาห์นี้ ตลาดมีแนวโน้มที่จะผันผวนและมีความอ่อนไหวต่อปัญหาเพดานหนี้ของสหรัฐ และมีแนวโน้มว่าตลาดจะผันผวนต่อเนื่องในสัปดาห์หน้า"
นับจนถึงขณะนี้ นักลงทุนยังคงเชื่อว่าทำเนียบขาวและสภาคองเกรสจะสามารถตกลงกันได้แม้กำหนดเส้นตายใกล้เข้ามาทุกขณะนี้ โดยผลสำรวจผู้จัดการกองทุนทั่วโลกซึ่งจัดทำโดย BofA Global Research ระบุว่า 71% ของผู้จัดการกองทุนที่เข้าร่วมการสำรวจเชื่อว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถทำข้อตกลงกันได้ก่อนถึง X-date
อย่างไรก็ดี มีนักลงทุนอีกจำนวนหนึ่งกังวลว่า สภาพตลาดในปัจจุบันและการชะลอตัวของเศรษฐกิจจะส่งผลให้ตลาดหุ้นมีความผันผวนมากกว่าในปี 2554 ซึ่งเป็นปีที่ภาวะชะงักงันด้านการเจรจาเพดานหนี้ได้ส่งผลให้สหรัฐถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือครั้งประวัติศาสตร์
นักวิเคราะห์จาก UBS Global Wealth Management คาดการณ์ว่า ดัชนี S&P500 จะร่วงลงกว่า 10% หากทำเนียบขาวและสภาคองเกรสไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการเพิ่มเพดานหนี้ได้ก่อน X-date
ทั้งนี้ เพดานหนี้คือจำนวนเงินทั้งหมดที่รัฐบาลสหรัฐได้รับอนุญาตให้ทำการกู้ยืมเพื่อให้รัฐบาลสามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสวัสดิการด้านประกันสังคมและด้านสุขภาพ, ดอกเบี้ยตราสารหนี้ของรัฐบาล และการใช้จ่ายอื่น ๆ