สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เศรษฐกิจปากีสถานทรุดตัวลงอย่างหนัก เนื่องจากปัญหาความขัดแย้งในประเทศทวีความรุนแรง ท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อและดอกเบี้ยที่สูงเป็นประวัติการณ์ ตลอดจนการช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่หยุดชะงักลง
คณะกรรมมาธิการบัญชีแห่งชาติปากีสถานระบุในแถลงการณ์ที่เผยแพร่ในวันนี้ (25 พ.ค.) ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัวเพียง 0.29% ในปีงบประมาณที่สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิ.ย. ขณะที่เป้าหมาย GDP ของประเทศในช่วงเริ่มต้น ซึ่งตั้งเป้าไว้ที่ 5% เมื่อเดือนมิ.ย. ปีที่แล้ว ถูกปรับลดลงเหลือ 2.3% ในเดือนก.ย. หลังเกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่เมื่อฤดูร้อนปีที่แล้ว
ข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติของปากีสถาน (PBS) ระบุว่า นับเป็นครั้งที่ 5 ในประวัติศาสตร์ที่เศรษฐกิจขยายตัวต่ำกว่า 1% นับตั้งแต่มีการบันทึกข้อมูลย้อนหลังไปจนถึงปี 2495 โดยครั้งก่อนหน้าคือช่วงปีงบประมาณ 2563 ซึ่งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจทั่วโลก
รายงาน GDP ดังกล่าว เป็นอีกหนึ่งสัญญาณของความท้าทายที่ที่นายเชห์บาซ ชารีฟ นายกรัฐมนตรีปากีสถาน ต้องเผชิญเพิ่มขึ้น ในขณะที่เขากำลังดิ้นรนเพื่อฟื้นโครงการกู้เงิน IMF มูลค่า 6.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจำเป็นอย่างมาก และเพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ ท่ามกลางวิกฤตการเมืองที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้
ทั้งนี้ รัฐบาลปากีสถานเผชิญอุปสงค์ที่ซบเซาลง หลังทางการปรับขึ้นภาษีและราคาพลังงาน และปล่อยให้เงินรูปีของปากีสถานอ่อนค่าลง เพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์กำหนดของ IMF