หนังสือพิมพ์เดอะ เทเลกราฟรายงานว่า รัฐบาลอังกฤษกำลังพิจารณาแผนการที่จะกำหนดเพดานราคาอาหารที่จำเป็นสำหรับกลุ่มผู้ค้าปลีก เช่น ขนมปังและนม เนื่องจากราคาสินค้าเหล่านี้เพิ่มขึ้นในอัตราหลักสิบ
สำนักนายกรัฐมนตรีอังกฤษระบุว่า นายริชี ซูนัค นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กำลังเจรจากับกลุ่มซูเปอร์มาร์เก็ต เพื่อบรรลุข้อตกลงที่คล้ายกับข้อตกลงในฝรั่งเศส ซึ่งผู้ค้าปลีกรายใหญ่จะคิดราคาสินค้าจำเป็นในราคาต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกถามเกี่ยวกับการควบคุมราคาสินค้าดังกล่าว นายสตีฟ บาร์เคลย์ รัฐมนตรีสาธารณสุขอังกฤษให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์บีบีซีเมื่อวันอาทิตย์ (28 พ.ค.) ว่า "ผมไม่ทราบเรื่องดังกล่าว"
นายบาร์เคลย์ "ตามความเข้าใจของผมคือ รัฐบาลกำลังทำงานอย่างสร้างสรรค์กับซูเปอร์มาร์เก็ต เพื่อจัดการกับข้อกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อของอาหารและค่าครองชีพ และดำเนินการในลักษณะที่คำนึงถึงผลกระทบต่อซัพพลายเออร์ด้วย"
ทั้งนี้ สำนักนายกรัฐมนตรียังไม่ได้แสดงความเห็นใด ๆ กับทางรอยเตอร์เกี่ยวกับรายงานข่าวนี้ ซึ่งอ้างอิงมาจากแหล่งข่าวภายในรัฐบาล
อังกฤษเผชิญอัตราเงินเฟ้อด้านอาหารสูงที่สุดในยุโรปตะวันตก โดยราคาอาหารพุ่งขึ้นมากกว่า 19% ในปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นอัตราที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ทศวรรษ 2513 ขณะเดียวกัน งบประมาณครัวเรือนยังถูกกดดันจากราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากสงครามในยูเครน
รายงานระบุว่า ซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ เช่น เทสโก้ (Tesco) และ เซนส์บิวรี่ส์ (Sainsbury) ได้ประกาศลดราคาอาหารบางรายการในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
ด้านสมาคมผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีก (BRC) ซึ่งเป็นตัวแทนของซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ กล่าวตำหนิกฎระเบียบชุดใหม่ของรัฐบาลว่าทำให้กลุ่มซูเปอร์มาร์เก็ตต้องแบกรับภาระต้นทุนจำนวนมาก และเรียกร้องให้ลดความซับซ้อนของกฎระเบียบ "แทนที่จะสร้างมาตรการควบคุมราคาแบบยุค 1970"