โนมูระรายงานว่า เที่ยวบินสหรัฐทั้งขาไปและกลับจีนแผ่นดินใหญ่กลับมาให้บริการไม่ถึง 6% เมื่อเทียบกับในปี 2562 ขณะที่ข้อมูลจากแวริไฟลต์ (Variflight) ณ วันจันทร์ที่ 22 พ.ค. ระบุว่า เที่ยวบินระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่กับอียิปต์ ซาอุดีอาระเบีย และอิตาลีกลับมาให้บริการเกือบจะเทียบกับหรือมากกว่าช่วงก่อนที่จะเกิดโรคโควิด-19 ระบาดแล้ว
"เราคิดว่ามีปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้องกับการฟื้นตัวด้านการท่องเที่ยวต่างประเทศของจีน" นายถิง ลู่ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จีนของโนมูระและทีมงานระบุในรายงานวันจันทร์ที่ 29 พ.ค.
ในเดือนมี.ค. จีนได้เป็นตัวกลางช่วยซาอุดีอาระเบียและอิหร่านพลิกฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน ขณะเดียวกันจีนได้ปฏิเสธที่จะประณามรัสเซียต่อกรณีที่รัสเซียยกพลบุกโจมตียูเครน แต่เลือกที่จะเรียกร้องให้มีการเจรจาสันติภาพแทน
ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีนเองก็คุกรุ่น โดยเอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐเพิ่งเข้าประจำตำแหน่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากเว้นว่างตำแหน่งดังกล่าวไว้นานประมาณ 6 เดือน
ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สายการบินแอร์ไชน่า (Air China) กลายเป็นสายการบินจีนแห่งแรกที่กลับมาให้บริการเที่ยวบินตรงระหว่างกรุงปักกิ่งและรัฐนิวยอร์กในรอบหลายเดือน โดยเที่ยวบินดังกล่าวเป็น 1 ใน 4 เที่ยวบินประจำสัปดาห์ระหว่างสองประเทศจากสายการบินจีน ซึ่งกระทรวงคมนาคมสหรัฐอนุมัติในเดือนพ.ค.
ก่อนหน้านี้ สายการบินจีนให้บริการเที่ยวบินตรงจากนครเซี่ยงไฮ้และกว่างโจวสู่รัฐนิวยอร์กและลอสแอนเจลิส
ส่วนสายการบินสหรัฐเลือกที่จะไม่กลับมาให้บริการเที่ยวบินระหว่างสหรัฐและจีนมากนัก เพราะมาตรการจำกัดการบินข้ามน่านฟ้ารัสเซียทำให้สายการบินจีนมีความได้เปรียบ ในขณะที่สายการบินรายใหญ่ 3 แห่งของสหรัฐต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม 2 พันล้านดอลลาร์ต่อปี
อย่างไรก็ตาม สายการบินเดลตา ยูไนเต็ดแอร์ไลน์ และอเมริกันแอร์ไลน์ยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้
นอกจากนี้ โนมูระรายงานว่า โดยรวมแล้วเที่ยวบินระหว่างประเทศของจีนแผ่นดินใหญ่นั้นยังคงต่ำกว่า 40% ของปี 2562 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เที่ยวบินระหว่างประเทศของจีนแผ่นดินใหญ่จะเพิ่มขึ้นแตะ 70% ภายในสิ้นปีนี้ เนื่องจากเที่ยวบินระหว่างประเทศจะฟื้นตัวขึ้นในช่วงวันหยุดฤดูร้อน