นายทัตสึโตมุ วาตานาเบะ นักวิชาการซึ่งมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลญี่ปุ่นคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในช่วงต้นปีหน้า หากค่าแรงในญี่ปุ่นขยายตัวได้อย่างยั่งยืน
นายวาตานาเบะเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวของรอยเตอร์ว่า อัตราเงินเฟ้อญี่ปุ่นจะยังคงเร่งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากบริษัทเอกชนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าพวกเขาสามารถปรับขึ้นราคาสินค้าโดยไม่ทำให้ผู้บริโภควิตกกังวล โดยนายวาตานาเบะเคยเป็นเจ้าหน้าที่ของ BOJ และเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับในการวิเคราะห์ทิศทางเงินเฟ้อของญี่ปุ่น
"เมื่อพิจารณาจากท่าทีของกลุ่มบริษัทเอกชนและข้อมูลมากมายที่มีการเปิดเผยเมื่อไม่นานมานี้ เราจะเห็นได้ว่าเงินเฟ้อยังไม่มีแนวโน้มชะลอตัวลง ขณะนี้ญี่ปุ่นมีสัญญาณบ่งชี้ถึงการเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อที่ถูกขับเคลื่อนด้วยอุปสงค์ภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง" นายวาตานาเบะกล่าว
ทั้งนี้ การคาดการณ์เงินเฟ้อของนายวาตานาเบะสวนทางกับมุมมองของ BOJ ที่คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นซึ่งปัจจุบันอยู่สูงกว่าเป้าหมายของ BOJ ที่ระดับ 2% นั้น จะชะลอตัวสู่ระดับต่ำกว่า 2% ภายในปีนี้ เรื่องจากแรงผลักดันที่เกิดจากต้นทุนการนำเข้าเริ่มอ่อนแรงลง
อย่างไรก็ดี แม้นายวาตานาเบะคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะยังคงเพิ่มขึ้น แต่เขามองว่า BOJ จำเป็นต้องดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินแบบพิเศษ (Ultra-loose Policy) ต่อไปอีกระยะหนึ่ง เมื่อพิจารณาจากความไม่แน่นอนที่ว่าบริษัทเอกชนจะปรับขึ้นราคาสินค้าต่อไปในปีหน้าหรือไม่
ที่ผ่านมานั้น BOJ ได้พยายามกระตุ้นเศรษฐกิจและผลักดันเงินเฟ้อให้เคลื่อนไหวที่ระดับเป้าหมาย 2% อย่างยั่งยืน ด้วยการตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ -0.1% และให้คำมั่นว่าจะคงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีเอาไว้ที่ระดับประมาณ 0% ภายใต้นโยบายควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทน (YCC)
อย่างไรก็ดี ในการประชุมเมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว BOJ ได้สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดด้วยขยายกรอบอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลญี่ปุ่นให้เคลื่อนไหวในช่วง -0.5% ถึง +0.5% จากเดิมที่ -0.25% ถึง +0.25% ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกในตลาดเงินและถูกมองว่า BOJ กำลังส่งสัญญาณยุติการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษ