นักวิเคราะห์ของธนาคารเอชเอสบีซีแสดงความเห็นว่า เงินเยนที่อ่อนค่าลงอีกนั้น ทำให้บรรดาผู้สังเกตการณ์ในตลาดคาดการณ์ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นอาจจะเข้าแทรกแซงตลาดครั้งใหญ่ ในช่วงเวลาที่ญี่ปุ่นยังคงยึดมั่นในโยบายผ่อนคลายการเงินแบบพิเศษ (Ultra-loose Policy) ท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยและอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นทั่วโลก
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า เงินเยนอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ระดับ 140 เยนต่อดอลลาร์เมื่อวันจันทร์ (5 มิ.ย.) โดยเงินเยนเคยดิ่งลงทะลุระดับดังกล่าวครั้งสุดท้ายเมื่อช่วงสิ้นเดือนพ.ค. ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2565
ก่อนหน้านี้เงินเยนอ่อนค่าจนถึงระดับที่ทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นใช้มาตรการแทรกแซงตลาดเพื่อพยุงค่าเงินเยน ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นโตเกียวพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มส่งออกที่ได้ประโยชน์จากการอ่อนค่าของเงินเยน
ในปีที่แล้ว กระทรวงการคลังญี่ปุ่นได้เข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตรา 3 ครั้งด้วยการใช้เงินประมาณ 6.8 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อทุ่มซื้อเงินเยนในวันที่ 22 ก.ย., 21 ต.ค. และ 24 ต.ค. หลังจากเงินเยนดิ่งลงแตะระดับ 150 เยนต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นการอ่อนค่าลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2533 โดยเป็นการเข้าแทรกแซงตลาดโดยไม่มีการประกาศล่วงหน้า และเป็นการแทรกแซงตลาดในเวลาเดียวกับที่ BOJ เข้าซื้อเงินเยนจำนวนมากโดยใช้เม็ดเงินหลายพันล้านดอลลาร์จากทุนสำรอง
นางโจอี้ ชิว หัวหน้าฝ่ายวิจัยด้านปริวรรตเงินตราต่างประเทศของเอชเอสบีซีกล่าวว่า ความเคลื่อนไหวของเงินเยนเมื่อไม่นานมานี้ จะกระตุ้นให้เกิดคำถามว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะเข้าแทรกแซงตลาดเพื่อพยุงค่าเงินเยนหรือไม่
"เมื่อพิจารณาจากการที่เงินเยนอ่อนค่าลงทะลุระดับ 140 เยนต่อดอลลาร์ อันเนื่องมาจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ดิฉันคิดว่าตลาดจะเริ่มจับตาดูว่ากระทรวงการคลังญี่ปุ่นจะเข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราหรือไม่" นางชิวกล่าว