นายคลาส น็อต ผู้ว่าการธนาคารกลางเนเธอร์แลนด์ ระบุในวันนี้ (6 มิ.ย.) ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) นั้นเผชิญความยากลำบากในการลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อพื้นฐานในยูโรโซน แต่นโยบายการเงินของ ECB นั้นเริ่มส่งผลต่อเงินเฟ้อแล้ว ขณะที่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะต้องดำเนินการไปทีละขั้น
ทั้งนี้ ECB ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวมทั้งสิ้น 3.75% ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา เพื่อรับมือกับเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ และนักลงทุนยังมองว่า จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกอย่างน้อย 2 ครั้ง แต่จุดจบของการคุมเข้มวงจรการเงินที่รวดเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ 25 ปีของ ECB ใกล้เข้ามาแล้ว
นายน็อตระบุในถ้อยแถลงว่า "เนื่องจากเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นเป็นเวลานาน แรงกดดันด้านเงินเฟ้อพื้นฐานจึงได้ก่อตัวขึ้น และมีแนวโน้มว่า แรงกดดันด้านเงินเฟ้อในภาคส่วนนี้จะลดลงได้ยากกว่าเงินเฟ้อทั่วไป"
อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมราคาเชื้อเพลิงและอาหาร ปรับตัวลดลง 5.3% เมื่อเดือนพ.ค. จาก 5.6% แต่นางคริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB ได้ออกมาเตือนว่า ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่า การปรับตัวขึ้นของเงินเฟ้อได้แตะระดับสูงสุดแล้ว
อย่างไรก็ตาม นายน็อตยังคงมองในแง่บวกอย่างระมัดระวัง โดยให้เหตุผลว่า ปัญหาเงินเฟ้อที่เลวร้ายที่สุดของยุโรปได้ผ่านพ้นไปแล้ว โดยการคาดการณ์ในระยะยาวยังคงอยู่ในระดับที่ "เหมาะสม" และมีหลักฐานเพิ่มเติมมากขึ้นที่แสดงให้เห็นว่า นโยบายของ ECB นั้นกำลังเริ่มประสบผล
"การได้เห็นสัญญาณแรกว่านโยบายการเงินเมื่อไม่นานมานี้เริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่แท้จริงแล้วนั้นช่วยทำให้โล่งใจได้บ้าง" นายน็อตกล่าว